![]() |
Alexandra Kollontai |
การขายบริการทางเพศ คือ ปรากฎการณ์ทางสังคมซึ่งมันมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างสถานะความยากจนและการพึ่งพาผู้ชายในทางเศรษฐกิจบนฐานการแต่งงานและครอบครัว รากฐานของการขายบริการมันยืนอยู่บนพื้นฐานของเรื่องเศรษฐิจ
โดย สมุดบันทึกสีแดง
ชาวมารกซิสต์มีวัฒนธรรมการอธิบายปัญหาการกดขี่ทางเพศว่ามีรากเหง้ามาจากระบบกรรมสิทธิทรัพยสินส่วนบุคคล แต่ในบทความนี้ และ บทความในเดือนมีนาคม ผู้เขียนจะแปลและสรุปใจความสำคัญของนักคิดที่เด่นมากคนหนึ่งของชาวมารคซิสต์ คือ อเลกซานดร้า คอลลอนไท( Alexandra Kollontai) ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคบอลเชวิค เธอมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเด็นการสร้างความเสมอภาคทางเพศในยุคเลนิน แต่พอถึงยุคสตาลินที่ทำการปฏิวัติซ้อนและขึ้นมามีอำนาจ คอลลอนไทถูกเนรเทศและถูกบังคับยุติบทบาททางการเมืองในรัสเซีย ผลที่ตามมาคือประเด็นสำคัญๆ ที่นักปฏิวัติบอลเชวิคยุคต้นพยายามออกแบบและทำลายการกดขี่ทางเพศ ถูกทำลายและหยุดชะงัก ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่นักสิทธิสตรีที่คับแคบหลายส่วนพยายามโจมตีทฤษฏีมารคซิสต์ ว่าไม่มีการให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นทางเพศ
งานของ คอลลอนไท ที่เขียนเกี่ยวกับปัญหาหญิงบริการทางเพศ คือ การขายบริการทางเพศและแนวทางการต่อสู้กับปัญหานี้ (Prostitution and ways of fighting it) ซึ่งเขียนขึ้นในปี 1921 (2464) เพื่อจะนำมาเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายของพรรคบอลเชวิคต่อประเด็นดังกล่าว งานชิ้นนี้ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี 1977 (2520)
ผู้เขียนมองว่าคำถามหลายคำถามในตอนนั้นยังคงเป็นประเด็นอยู่ในทุกวันนี้ลักษณะการถกเถียงในปัจจุบันมักจะถูกจำกัดอยู่ที่ข้อเรียกร้องเฉพาะหน้าที่เน้นปกป้องสิทธิของหญิงบริการซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่บ่อยครั้งกรอบคิดดังกล่าวมันไปจบลงอยู่ที่การส่งเสริมการขายบริการทางเพศให้ดำรงอยู่ต่อไปและละเลยประเด็นคำถามว่าจะจะทำอย่างไรที่จะทำให้การซื้อขายทางเพศหายไปซึ่งการดำรงอยู่ของมันส่งผลกระทบต่อสถานภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัตถุทางเพศ ทัศนะการเหยียดเพศ อุตสาหกรรมการเสริมความความงาม การขาดความเคารพในตนเอง ซึ่งได้กล่าวไปบ้างแล้วในตอนที่หนึ่ง
คอลลอนไท เริ่มต้นถามว่าอะไรคือ การขายบริการทางเพศ?
การขายบริการทางเพศ คือ ลักษณะอาการที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดระหว่างการมีรายได้ที่ไม่ได้มาจากการทำงาน[1] ซึ่งลักษณะของมันถูกพัฒนาภายใต้ระบบกรรมสิทธิส่วนบุคคลและระบบทุนนิยม หญิงบริการทางเพศจากมุมมองของชาวมาร์คซิสต์ คือ ผู้หญิงที่ขายเรือนร่างของตัวเองเพื่อ อาหาร เสื้อ และผลประโยชน์ตอบแทนชนิดอื่นๆ หรือ ผู้หญิงที่หลีกเลี่ยงการทำงานโดยการให้ร่างกายของตัวเองแก่ผู้ชายเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นชั่วคราวหรือตลอดชีวิต
รัฐกรรมาชีพของพวกเราได้รับมรดกการขายบริการทางเพศมาจากสังคมกฎุมฎี ที่ที่ซึ่งผู้หญิงจำนวนน้อยเท่านั้นได้มีบทบาทในเศรษฐกิจระดับชาติ ในขณะที่ผู้หญิงโดยส่วนต้องอาศัยผู้ชายในรูปแบบที่เป็นพ่อ หรือ สามี การขายบริการเพศงอกขึ้นและกลายเป็นเงาสะท้อนของสถาบันการแต่งงาน
การแต่งงานถูกออกแบบเพื่อปกป้องระบบกรรมสิทธิส่วนบุคคลและทำหน้าที่รับประกันว่าทรัพย์สมบัติจะถูกส่งต่อไปยังผู้สืบสายเลือดที่ถูกต้องสถาบันการแต่งงานมันได้สร้างระบบการปกป้องความร่ำรวยที่จะถูกแย่งชิงระหว่างบรรดาผู้ที่มีสิทธิสืบสายเลือด แต่อย่างไรก็ตามการขายบริการเพศในยุคปัจจุบันมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการขายบริการทางเพศในยุคกรีกหรือโรมัน
ในสมัยโบราณผู้หญิงที่ขายบริการทางเพศนั้นมีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น และตอนนั้นมันไม่ค่อยมีความตอแหลที่ฉาบเคลือบไปด้วยศีลธรรมเหมือนที่เราเห็นในโลกของพวกกฎุมฎีปัจจุบัน โดยสังคมกฎุมฎีเลือกที่จะยอมรับผู้หญิงบางประเภทเท่านั้น เช่น ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถ้าพูดไปแล้วภรรยาตามกฎหมายก็ได้ขายตัวเองให้แก่สามีของเธอ ซึ่งบ่อยครั้งพวกเธอก็ไม่ได้รัก แต่พวกเธอต้องการหลีกหนีไปให้พ้นจากความขมขื่นต่างๆที่ระบบทุนนิยมและระบบกรรมสิทธิส่วนบุคคลได้สร้างขึ้นมา
ในโลกสมัยดึกดำบรรพ์ ซึ่งโลกใบนั้นมองการขายบริการทางเพศว่าเป็นคู่ที่ถูกกฎหมายเช่นเดียวกันกับการแต่งงานของสถาบันครอบครัวและภรรยาลับจะได้รับการเคารพมากกว่าภรรยาตามกฎหมายที่ทำหน้าทีสืบพันธ์เพียงอย่างเดียว
ในยุคกลางคนงานฝีมือมีบทบาทครอบงำลักษณะการผลิต การขายบริการทางเพศได้รับการยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติไม่ผิดกฎหมาย หญิงบริการทางเพศจะมีสมาคมและเข้าร่วมในเทศการท้องถิ่นเหมือนกับสมาคมอื่นๆ หญิงบริการทางเพศทำหน้าที่รับประการกันว่าบรรดาลูกสาวของผู้ที่มีเกียรติ์ทั้งหลาย จะดำรงความบริสุทธิ์ผุดผ่องและเหล่าภรรยาจะยังคงซื่อสัตว์ต่อสามี นับตั้งแต่ที่ผู้ชายโสดสามารถเดินเข้าไปในสมาคมหญิงขายบริการเพื่อแสวงหาความสบายผ่อนคลายทำให้การขายบริการทางเพศได้ถูกยอมรับอย่างเปิดเผยในแง่ที่ว่ามันช่วยปกป้องและสร้างความปลอดภัยให้กับระบบกรรมสิทธิส่วนบุคคล
การโผล่ขึ้นมาของระบบทุนนิยมได้ทำให้ภาพดังกล่าวเปลี่ยนไป ในศตวรรษที่ 19 และ 20 การขายแรงงานของผู้หญิงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและแยกออกจากกันไม่ได้กับการขายเรือนร่างของผู้หญิง ลักษณะดังกล่าวขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่หญิงสาวที่ถูกทิ้งและมีราคีเท่านั้น แต่บรรดาภรรยาที่น่านับถือของชนชั้นกรรมาชีพก็กระโดดเข้าสู่การเป็นหญิงขายบริการทางเพศ ด้วยเหตุผลเพื่อลูกและครอบครัว นี่คือความสยดสยองและไร้สิ้นซึ่งความหวังอันเป็นผลมาจากการกดขี่ขูดรีดแรงงานโดยระบบทุนนิยม เมื่อค่าแรงของผู้หญิงนั้นมีไม่เพียงพอที่จะมีชีวิตรอดได้การขายตัวดูเหมือนจะกลายเป็นแหล่งเสริมรายได้
ความตอแหลสัปปลับของระบบศีลธรรมในสังคมกฎุมฎีนั้นได้ส่งเสริมการขายบริการทางเพศ ผ่านโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยการกดขี่ขูดรีด แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความชิงชังเหยียดหยามต่อผู้หญิงที่ถูกบังคับให้เดินเข้าสู้เส้นทางนี้
การขายบริการเพศได้กลายเป็นเงาสะท้อนและติดตามการแต่งงานแบบถูกต้องตามกฎหมายของชนชั้นกฎุมฎี ไม่เคยมีประวัติศาสตรครั้งไหนเลยที่ได้กลายมาเป็นพยานรับรู้ถึงการเพิ่มขึ้นของการขายบริการเพศที่เกิดขึ้นในศตวรรษ 19 และ 20 ในเบอร์ลินในบรรดาผู้หญิงที่ซื่อสัตว์ 20 คน หนึ่งในนั้นคือหญิงขายบริการทางเพศ ที่ปารีสสัดส่วน 1 ต่อ 18 ที่ลอนดอน สัดส่วน 1 ต่อ 9 มันมีรูปแบบการขายแบบเปิดเผยซึ่งถูกกฎหมายและมีการควบคุม และที่ขายแบบปกปิด เป็นฤดูกาล ทุกรูปแบบของการบริการทางเพศได้เบ่งบานงอกเงยขึ้นเหมือนดอกไม้พิษที่ขยายพันธ์ได้อย่างรวดเร็วบนผืนดินที่แฉะเยิ้มไปด้วยศีลธรรมจอมปลอมในวิถีชีวิตของพวกกฎุมฎี
ความป่าเถื่อนในโลกของพวกกฎุมฎีนั้นไม่มีความเมตราแม้กระทั่งกับเด็ก มันบังคับให้เด็กหญิง 9-10 เดินเข้าไปตอบสนองความต้องการอันสกปรกของชายสูงวัยที่ไร้ศีลธรรมผู้ร่ำรวยในประเทศทุนนิยมมันมีแม้กระทั่งโรงแรมที่ตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษและที่เน้นการขายเฉพาะเด็กผู้หญิง ยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคหลังสงคราม (สงครามโลกครั้งที่ 1) ผู้หญิงทุกคนมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนตกงาน และมันสาเหตุหลักที่ดันขยายให้ผู้หญิงเดินเข้าสู่ถนนของการขายบริการทางเพศทาสสาวผิวขาวผู้หิวโหยได้ไหลป่าเต็มท้องถนนเพื่อสอดส่องหาผู้ซื้อในกรุงเบอร์ลิน ปารีส และ เมืองใหญ่ๆที่เป็นศูนย์กลางของรัฐทุนนิยม
การค้าเนื้อสดแบบนี้เป็นไปอย่างเปิดเผยแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อเราพิจารณาวิถีชีวิตของพวกกฎุมฏีที่มีพื้นฐานอยู่บนการซื้อขาย การขายบริการทางเพศเป็นทางออกสำหรับผู้หญิงที่ล้มเหลวในการหาคู่ถาวร การขายบริการทางเพศภายใต้ระบบทุนนิยม ได้เสนอทางเลือกให้กับผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางเพศผู้หญิงโดยมิต้องพะวงกับความรับผิดชอบ ที่เขาต้องมีให้ต่อเธอไปจนสิ้นอายุขัย
ทำไมการขายบริการทางเพศจึงมีการขยายตัว? เพื่อที่จะตอบคำถามนี้ ขั้นต้นพวกเราต้องวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดว่าอะไรคือสาเหตุหลักๆที่ทำให้การขายบริการเพิ่มขึ้น นักวิทยาศาตร์และนักวิชาการฝ่ายกฎุมฎีชอบที่จะเสนอว่า การขายบริการทางเพศเป็นปรากฎการณ์ทางสังคมที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากความผิดปกติของผู้หญิงบางประเภท เหมือนกับผู้ชายบางคนที่เกิดมาเพื่อเป็นฆาตกร ผู้หญิงบางคนเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นหญิงบริการทางเพศ คำอธิบายแบบนี้ไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นที่ว่าผู้หญิงเหล่านี้มีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร ทำไมพวกเธอถึงเลือกเดินเส้นทางอันไม่น่าพิสมัยเช่นนี้ แต่นักคิด นักสถิติและนักวิทยาศาสตร์ชาวมารคซิสต์ได้เสนอหลักฐานอย่างชัดเจนว่า คำอธิบายของฝ่ายกฏุมฎีนั้นผิดมหันต์
การขายบริการทางเพศ คือ ปรากฎการณ์ทางสังคมซึ่งมันมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างสถานะความยากจนและการพึ่งพาผู้ชายในทางเศรษฐกิจบนฐานการแต่งงานและครอบครัว รากฐานของการขายบริการมันยืนอยู่บนพื้นฐานของเรื่องเศรษฐิจ ในด้านหนึ่งผู้หญิงถูกทำให้ไม่มีความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ และ ในอีกด้านหนึ่งผู้หญิงถูกกล่อมเกลาให้เชื่อว่า ถ้าเธอยอมมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายไม่ว่าจะอยู่ในกรอบหรือนอกกรอบการแต่งงานเธอจะได้ของกำนัลและผลประโยชน์อื่นๆ เป็นการตอบแทน นี่คือรากฐานของปัญหานี้ นี่คือเหตุผลของการขายบริการทางเพศ
ความยากจน ความหิวโหย การขาดโอกาสและสังคมที่ไร้ความเสมอภาคของในระบบสังคมของกฎุมฎี เป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเลือกขายบริการทางเพศ สาเหตุสำคัญๆ ของการแพร่ขยายการขายบริการทางเพศคือ ค่าจ้างต่ำ สังคมที่เต็มไปความเหลื่อมล้ำ ผู้หญิงต้องพึ่งพาผู้ชายทางด้านเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมประเพณีอันล้าหลังที่กล่อมเกลาให้ผู้หญิงยอมรับและคาดหวังของรางวัลจากผู้ชาย ผ่านการมีความสัมพันธ์ทางเพศ
(โปรดติดตามฉบับหน้า)
[1]กระแสหลักของแนวเฟมินิสต์พยายามสู้ว่า การขายบริการทางเพศเป็นงานบริการชนิดหนึ่งในขณะที่แนวอื่นยังไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว ผู้เขียนจะลงรายละเอียดในตอนหน้า