ใจ อึ๊งภากรณ์
การลุกฮือของประชาชนตูรกีตามเมืองใหญ่ๆ
ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เป็นการท้าทายรัฐบาลอย่างแรง
และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลนี้ได้รับการคัดค้านจากมวลชนจำนวนมาก สิ่งที่จุดประกายคือแผนการทำลายและสร้างตึกทับสวน
เกซิ กลางเมืองอิสแตมบูล การประท้วงครั้งนี้ไม่มีพรรคหรือกลุ่มไหนวางแผนจัดการล่วงหน้า
แต่มีหลายองค์กรที่ตอนนี้เข้ามาแข่งแนวเพื่อแย่งชิงการนำ
เช่นพวกชาตินิยมฝ่ายขวาที่สนับสนุนทหาร และฝ่ายซ้ายที่ต้านทหารแต่ไม่สนับสนุนรัฐบาล
นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ประท้วงมีมวลชนของพรรครัฐบาลส่วนหนึ่งด้วย
ประชาชนไม่พอใจการที่รัฐบาลมั่นใจในตนเองจนไม่ยอมปรึกษาใคร
และไม่พอใจความรุนแรงของตำรวจที่มีต่อผู้ประท้วง
นอกจากนี้ตุรกีอยู่ในภาวะการเปลี่ยนแปลงจากยุคเผด็จการทหาร
และคนจำนวนมากอยากกวาดล้างกฏหมายเผด็จการให้หมดไป ก้าวหนึ่งที่ผ่านไปแล้วคือการสร้างสันติภาพกับชาวเคอร์ด
แต่มีก้าวอื่นๆที่ต้องเดิน
ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เป็นการท้าทายรัฐบาลอย่างแรง
และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลนี้ได้รับการคัดค้านจากมวลชนจำนวนมาก สิ่งที่จุดประกายคือแผนการทำลายและสร้างตึกทับสวน
เกซิ กลางเมืองอิสแตมบูล การประท้วงครั้งนี้ไม่มีพรรคหรือกลุ่มไหนวางแผนจัดการล่วงหน้า
แต่มีหลายองค์กรที่ตอนนี้เข้ามาแข่งแนวเพื่อแย่งชิงการนำ
เช่นพวกชาตินิยมฝ่ายขวาที่สนับสนุนทหาร และฝ่ายซ้ายที่ต้านทหารแต่ไม่สนับสนุนรัฐบาล
นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ประท้วงมีมวลชนของพรรครัฐบาลส่วนหนึ่งด้วย
ประชาชนไม่พอใจการที่รัฐบาลมั่นใจในตนเองจนไม่ยอมปรึกษาใคร
และไม่พอใจความรุนแรงของตำรวจที่มีต่อผู้ประท้วง
นอกจากนี้ตุรกีอยู่ในภาวะการเปลี่ยนแปลงจากยุคเผด็จการทหาร
และคนจำนวนมากอยากกวาดล้างกฏหมายเผด็จการให้หมดไป ก้าวหนึ่งที่ผ่านไปแล้วคือการสร้างสันติภาพกับชาวเคอร์ด
แต่มีก้าวอื่นๆที่ต้องเดิน
ประเด็นสำคัญคือฝ่ายซ้ายจะขยายอิทธิพลในมวลชน หรือฝ่ายชาตินิยมจะดึงทหารเข้ามา
เพราะในกลุ่มผู้ประท้วงมีความคิดหลากหลาย
เพราะในกลุ่มผู้ประท้วงมีความคิดหลากหลาย
เบื้องหลังสถานการณ์การเมืองในตูรกี
รัฐบาลตูรกีเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
พรรครัฐบาลคือพรรคมุสลิมหรือ “พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา” (AKP) พรรคนี้ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2002 และชนะการเลือกตั้งมาหลายรอบ
ล่าสุดในปี 2011 พรรคนี้ได้คะแนนเสียง 50% นโยบายของรัฐบาลเน้นกลไกตลาดเสรีของกลุ่มทุน แต่มีนโยบายให้คนจนบ้าง
รัฐบาลไม่ได้คลั่งศาสนาเหมือนที่ฝ่ายค้านอ้าง อย่างไรก็ตามระบบการเมืองในตุรกีมีซากของเผด็จการหลงเหลือจากสมัยเผด็จการทหาร
เช่น มีการจำคุกนักข่าว หรือทนายความที่เห็นต่างจากรัฐ และนักกิจกรรมชาวเคอร์ดที่อยากแบ่งแยกดินแดนก็ถูกปราบปรามอย่างรุนแรง
นอกจากนี้พรรค AKP มักจะเน้นศีลธรรมจารีตที่มองว่าผู้หญิงควรจะมีลูกอย่างน้อยสามคน
และนายกรัฐมนตรี เอร์โดแกน
อยากเห็นการยกเลิกกฏหมายที่อนุญาตให้สตรีทำแท้งอย่างเสรี
พรรครัฐบาลคือพรรคมุสลิมหรือ “พรรคความยุติธรรมและการพัฒนา” (AKP) พรรคนี้ครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2002 และชนะการเลือกตั้งมาหลายรอบ
ล่าสุดในปี 2011 พรรคนี้ได้คะแนนเสียง 50% นโยบายของรัฐบาลเน้นกลไกตลาดเสรีของกลุ่มทุน แต่มีนโยบายให้คนจนบ้าง
รัฐบาลไม่ได้คลั่งศาสนาเหมือนที่ฝ่ายค้านอ้าง อย่างไรก็ตามระบบการเมืองในตุรกีมีซากของเผด็จการหลงเหลือจากสมัยเผด็จการทหาร
เช่น มีการจำคุกนักข่าว หรือทนายความที่เห็นต่างจากรัฐ และนักกิจกรรมชาวเคอร์ดที่อยากแบ่งแยกดินแดนก็ถูกปราบปรามอย่างรุนแรง
นอกจากนี้พรรค AKP มักจะเน้นศีลธรรมจารีตที่มองว่าผู้หญิงควรจะมีลูกอย่างน้อยสามคน
และนายกรัฐมนตรี เอร์โดแกน
อยากเห็นการยกเลิกกฏหมายที่อนุญาตให้สตรีทำแท้งอย่างเสรี
พรรคฝ่ายค้าน
(CHP) อ้างว่าเป็นพรรคในรูปแบบสังคมนิยมประชาธิปไตย
และคอยสร้างภาพว่ารัฐบาลจะหมุนนาฬิกากลับไปสู่ยุคมืดแห่งกฏหมายอิสลาม
อย่างไรก็ตามฐานเสียงหลักของพรรคนี้มาจากคนชั้นกลางและคนรวย และพรรค CHP นี้เป็นพรรคที่ใครๆ มองว่าเป็นปากเสียงของทหารเผด็จการ กองทัพตูรกีมีประวัติการแทรกแซงการเมืองผ่านการทำรัฐประหารพอๆ
กับในไทย และในช่วงปี 2002-2007 มีการวางแผนเพื่อพยายามโค่นรัฐบาล
AKP ที่มาจากการเลือกตั้ง
(CHP) อ้างว่าเป็นพรรคในรูปแบบสังคมนิยมประชาธิปไตย
และคอยสร้างภาพว่ารัฐบาลจะหมุนนาฬิกากลับไปสู่ยุคมืดแห่งกฏหมายอิสลาม
อย่างไรก็ตามฐานเสียงหลักของพรรคนี้มาจากคนชั้นกลางและคนรวย และพรรค CHP นี้เป็นพรรคที่ใครๆ มองว่าเป็นปากเสียงของทหารเผด็จการ กองทัพตูรกีมีประวัติการแทรกแซงการเมืองผ่านการทำรัฐประหารพอๆ
กับในไทย และในช่วงปี 2002-2007 มีการวางแผนเพื่อพยายามโค่นรัฐบาล
AKP ที่มาจากการเลือกตั้ง
การเมืองตูรกีหันมาเน้นการคลั่งชาติ และการสร้างสังคมที่ไร้ศาสนาประจำชาติ ในยุคพัฒนาหลังการล่มสลายของอาณาจักร
ออตโตมัน โดยที่ คามาล อัตตาเทอร์ค ปฏิวัติสังคมและขึ้นมาเป็นผู้นำเผด็จการ
นโยบายคลั่งชาตินี้ถูกใช้เพื่อกดขี่เชื้อชาติอื่นๆ ภายในประเทศ เช่นชาวอาร์มีเนีย
ชาวยิว ชาวกรีก และชาวเคอร์ด และตูรกีมีกฏหมายคล้ายๆ 112 ของไทยที่ห้ามไม่ให้ใครวิจารณ์ คามาล อัตตาเทอร์ค
หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
ออตโตมัน โดยที่ คามาล อัตตาเทอร์ค ปฏิวัติสังคมและขึ้นมาเป็นผู้นำเผด็จการ
นโยบายคลั่งชาตินี้ถูกใช้เพื่อกดขี่เชื้อชาติอื่นๆ ภายในประเทศ เช่นชาวอาร์มีเนีย
ชาวยิว ชาวกรีก และชาวเคอร์ด และตูรกีมีกฏหมายคล้ายๆ 112 ของไทยที่ห้ามไม่ให้ใครวิจารณ์ คามาล อัตตาเทอร์ค
หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
ในยุคเผด็จการของ อัตตาเทอร์ค คนส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรยากจน
และนับถืออิสลาม ถูกเขี่ยออกจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยที่มีการเน้นบทบาทของชนชั้นกลางที่มีวัฒนธรรมตะวันตก
สามมาตราแรกรัฐธรรมนูญที่เขียนในยุคนั้น เน้นบทบาทของกองทัพในการปกป้อง “สาธารณรัฐสมัยใหม่
ที่ไร้ศาสนาแห่งชาติ และใช้ลัทธิชาตินิยมของ อัตตาเทอร์ค” มีการ “ห้าม”
ไม่ให้แก้ไขสามมาตราดังกล่าวด้วย
และนับถืออิสลาม ถูกเขี่ยออกจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยที่มีการเน้นบทบาทของชนชั้นกลางที่มีวัฒนธรรมตะวันตก
สามมาตราแรกรัฐธรรมนูญที่เขียนในยุคนั้น เน้นบทบาทของกองทัพในการปกป้อง “สาธารณรัฐสมัยใหม่
ที่ไร้ศาสนาแห่งชาติ และใช้ลัทธิชาตินิยมของ อัตตาเทอร์ค” มีการ “ห้าม”
ไม่ให้แก้ไขสามมาตราดังกล่าวด้วย
หลังชัยชนะของพรรค AKP ในปี 2002 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งรอบแรกหลังยุคเผด็จการทหาร
พวกนายพลพยายามใช้ศาลยุบพรรครัฐบาล และในปี 2007 มีการพยายามใช้ศาลเพื่อห้ามไม่ให้คนจากพรรคนี้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตามกองทัพไม่ประสบความสำเร็จ
และหลังจากนั้นรัฐบาลเริ่มดำเนินคดีกับพวกนายพลที่พยายามล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ผลคืออิทธิพลของกองทัพในการเมืองลดลง และการทำรัฐประหารยากขึ้น
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าทหารหมดอำนาจโดยสิ้นเชิง
พวกนายพลพยายามใช้ศาลยุบพรรครัฐบาล และในปี 2007 มีการพยายามใช้ศาลเพื่อห้ามไม่ให้คนจากพรรคนี้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตามกองทัพไม่ประสบความสำเร็จ
และหลังจากนั้นรัฐบาลเริ่มดำเนินคดีกับพวกนายพลที่พยายามล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ผลคืออิทธิพลของกองทัพในการเมืองลดลง และการทำรัฐประหารยากขึ้น
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าทหารหมดอำนาจโดยสิ้นเชิง
ในหลายๆ แง่รัฐบาลพรรค AKP
ไม่ต่างจากรัฐบาลอนุรักษ์นิยมคริสเตียนในยุโรปตะวันตก และนายทุนก็พึงพอใจกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้
เศรษฐกิจตูรกีได้รับผลกระทบจากวิกฤษเศรษฐกิจโลกบ้างแต่ไม่มากเท่าเขตยูโร
และการปฏิวัติในตะวันออกกลางในสองสามปีที่ผ่านมา มีผลให้ตูรกีขยายอิทธิพลในการเมืองระหว่างประเทศได้
ไม่ต่างจากรัฐบาลอนุรักษ์นิยมคริสเตียนในยุโรปตะวันตก และนายทุนก็พึงพอใจกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้
เศรษฐกิจตูรกีได้รับผลกระทบจากวิกฤษเศรษฐกิจโลกบ้างแต่ไม่มากเท่าเขตยูโร
และการปฏิวัติในตะวันออกกลางในสองสามปีที่ผ่านมา มีผลให้ตูรกีขยายอิทธิพลในการเมืองระหว่างประเทศได้
ความขัดแย้งระหว่างกองทัพและรัฐบาลในหลายปีที่ผ่านมา เป็นความขัดแย้งภายในรัฐ
ซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ถูกกดขี่เริ่มแสดงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะชาวเคอร์ด ซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาทำข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาล
รัฐบาลเองก็ถูกกดดันให้ยกเลิกกฏหมายเผด็จการที่กดขี่ชาวเคอร์ด เช่นกฏหมายที่ห้ามไม่ให้เขาพูดภาษาของตนเองเป็นต้น
ฝ่ายนายทุนและประชาชนส่วนใหญ่ก็ต้องการเห็นสันติภาพด้วย แต่พรรคฝ่ายค้าน CHP ที่เน้นแนวคลั่งชาติไม่พอใจ
ซึ่งเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ถูกกดขี่เริ่มแสดงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะชาวเคอร์ด ซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาทำข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาล
รัฐบาลเองก็ถูกกดดันให้ยกเลิกกฏหมายเผด็จการที่กดขี่ชาวเคอร์ด เช่นกฏหมายที่ห้ามไม่ให้เขาพูดภาษาของตนเองเป็นต้น
ฝ่ายนายทุนและประชาชนส่วนใหญ่ก็ต้องการเห็นสันติภาพด้วย แต่พรรคฝ่ายค้าน CHP ที่เน้นแนวคลั่งชาติไม่พอใจ
ไทยกับตูรกี
เมื่อเราศึกษาสถานการณ์ในตูรกี
เราจะเห็นหลายเรื่องที่มีลักษณะคล้ายไทย
เพราะในทั้งสองประเทศผู้รักประชาธิปไตยกำลังต่อสู้กับอิทธิพลของเผด็จการทหาร
และในทั้งสองประเทศฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการคือพวกคนชั้นกลางและคนรวยที่อ้างว่า “รักประชาธิปไตย”
และต้องการ “ปกป้องสถาบันศักดิ์สิทธิ์” ในตูรกีสถาบันศักดิ์สิทธิ์คือ “ลัทธิชาตินิยมไร้ศาสนาของอัตตาเทอร์ค”
ในทั้งสองประเทศมีความพยายามที่จะใช้ศาลเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ในมุมกลับรัฐบาลดังกล่าว
คือเพื่อไทยในไทย และ AKP ในตูรกี ไม่ใช่รัฐบาลก้าวหน้าที่พร้อมจะสร้างความเท่าเทียมทางสังคม
และปฏิรูประบบอย่างแท้จริง และทั้งในไทยและตูรกี
คนจนส่วนใหญ่เลือกรัฐบาลดังกล่าวที่มีอิทธิพลของกลุ่มทุน เพราะคนจนหรือกรรมาชีพยังไม่ได้สร้างพรรคทางเลือกที่เข้มแข็งพอ
เราจะเห็นหลายเรื่องที่มีลักษณะคล้ายไทย
เพราะในทั้งสองประเทศผู้รักประชาธิปไตยกำลังต่อสู้กับอิทธิพลของเผด็จการทหาร
และในทั้งสองประเทศฝ่ายที่สนับสนุนเผด็จการคือพวกคนชั้นกลางและคนรวยที่อ้างว่า “รักประชาธิปไตย”
และต้องการ “ปกป้องสถาบันศักดิ์สิทธิ์” ในตูรกีสถาบันศักดิ์สิทธิ์คือ “ลัทธิชาตินิยมไร้ศาสนาของอัตตาเทอร์ค”
ในทั้งสองประเทศมีความพยายามที่จะใช้ศาลเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ในมุมกลับรัฐบาลดังกล่าว
คือเพื่อไทยในไทย และ AKP ในตูรกี ไม่ใช่รัฐบาลก้าวหน้าที่พร้อมจะสร้างความเท่าเทียมทางสังคม
และปฏิรูประบบอย่างแท้จริง และทั้งในไทยและตูรกี
คนจนส่วนใหญ่เลือกรัฐบาลดังกล่าวที่มีอิทธิพลของกลุ่มทุน เพราะคนจนหรือกรรมาชีพยังไม่ได้สร้างพรรคทางเลือกที่เข้มแข็งพอ
ประเด็นเสรีภาพของคนเชื้อชาติหลากหลายมีความสำคัญและนำไปสู่สงคราม
ในตูรกีจะเป็นสงครามระหว่างรัฐกับชาวเคอร์ด ในไทยจะเป็นสงครามระหว่างรัฐกับชาวมุสลิมมาเลย์แห่งปัตตานี
ในทั้งสองประเทศจะต้องมีข้อตกลงทางการเมือง ไม่ใช่เน้นการทหาร
และประชาชนทุกเชื้อชาติต้องสนับสนุนเสรีภาพของทุกฝ่าย
โดยไม่คลั่งชาติหรือปกป้องพรมแดนเพื่อประโยชน์ของชนชั้นปกครอง
ในตูรกีจะเป็นสงครามระหว่างรัฐกับชาวเคอร์ด ในไทยจะเป็นสงครามระหว่างรัฐกับชาวมุสลิมมาเลย์แห่งปัตตานี
ในทั้งสองประเทศจะต้องมีข้อตกลงทางการเมือง ไม่ใช่เน้นการทหาร
และประชาชนทุกเชื้อชาติต้องสนับสนุนเสรีภาพของทุกฝ่าย
โดยไม่คลั่งชาติหรือปกป้องพรมแดนเพื่อประโยชน์ของชนชั้นปกครอง
จุดยืนของฝ่ายซ้ายในตูรกีหรือไทย
ควรจะเป็นการร่วมต่อสู้ในขบวนการของมวลชนเมื่อมีข้อเรียกร้องเพื่อขยายพื้นที่ประชาธิปไตยและลดอิทธิพลของทหาร
ดังนั้นเราร่วมกับพี่น้องเสื้อแดงในไทย
และฝ่ายซ้ายในตูรกีต้องยืนเคียงข้างมวลชนที่ปะทะกับรัฐบาลในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามเราจะไม่คล้อยตามพรรคเพื่อไทยหรือแกนนำ นปช.
เมื่อมีการหักหลังวีรชนและนักโทษการเมือง หรือเมื่อมีการหันหลังกับผลประโยชน์ของคนจน
เช่นในเรื่องสาธารณสุข สิทธิแรงงาน หรือรัฐสวัสดิการ ในตูรกีสถานการณ์ไม่เหมือนไทยในทุกเรื่อง
แต่ฝ่ายซ้ายจะต้องแยกตัวออกและแข่งแนวทางความคิดอย่างชัดเจนจากพวกคลั่งชาติที่จับมือกับทหาร
เพราะพวกนี้หวังนำมวลชนไปในทางที่ผิด