“จัดตั้ง” คือ หลักประกันที่ดีที่สุด

“จัดตั้ง” คือ หลักประกันที่ดีที่สุด
สมุดบันทึกสีแดง

ตอนนี้ความขัดแย้งทางการเมืองได้เดินมาสู่จุดที่กลไกหลักๆ
ของสถาบันทางการเมืองหยุดการทำงาน เพราะพรรคเพื่อไทยตั้งใจที่จะเดินหน้าเข้าสู่การประนีประนอม
ไม่ว่าการประนีประนอมนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาออกมาหน่าเกลียดขนาดไหน ข้อเสนอและข้อวิเคราะห์ที่ว่าความขัดแย้งมาถึงจุดที่กำลังก้าวเข้าสงครามกลางเมือง
เป็นแนวความคิดที่ปูทางเพื่อให้ข้อเสนอนี้ถูกยอมรับได้ง่ายๆ



รูปธรรมของการประนีประนอมที่น่าเกลียดอาจจะออกมาในหลายรูปแบบ
เช่น “รัฐบาลแห่งชาติ”  “
การลดอำนาจของบุคคลที่มาจากการเลือกตั้ง” “การเพิ่มอำนาจให้ศาล”
“การเพิ่มอำนาจให้สำนักตรวจสอบงบประมาณฯ” “การเพิ่มจำนวน สว
ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ฯลฯ ไม่ว่าการประนีประนอมจะออกมาในรูปแบบไหน
ฝ่ายที่อยู่ข้างบนทุกฝ่ายก็จะอยู่สุขสบายและไปรอด แต่ฝ่ายฉิบหายก็เป็นฝ่ายประชาชน

อีกข้อเสนอหนึ่งที่เริ่มมีการพูดถึงคือ
การแก้ปัญหาด้วยการชูการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งข้อเสนอนี้น่าจะออกมาจากอารมณ์ที่โกรธแค้นมากกว่าจะมีการสำรวจความเป็นไปได้อย่างเป็นระบบ
แต่ถ้าข้อเสนอนี้มีการพูดเรื่อยๆ พวกเราต้องให้ความสำคัญ ซึ่งคำถามที่เราจะต้องถามพร้อมๆ
กันคือ ระหว่างการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ และ การเมือง เชิงชนชั้น
อันไหนมีประสิทธิในการแก้ปัญหามากกว่ากัน

มีความเป็นไปได้ไหมที่จะมีการแบ่งแยกดินแดน?
คำตอบคือยากมาก ในกรณีของประเทศติมอร์
ซึ้งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรที่สำคัญคือน้ำมัน 
แต่ยังอยู่ในสภาวะความยากจนเพราะรัฐบาลไร้ศักยภาพที่จะหาเงินมาลงทุนและแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติเพื่อขาย
หรือ
ถ้าบริษัทเหล่านั้นเข้ามาลงทุนผลประโยชน์ก็จะตกไปอยู่ที่กลุ่มทุนและชั้นนำไม่กี่คนแทนที่จะตกไปสู่ประชาชนชาวติมอร์
เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเวเนซุเอล่าก่อนยุคซาเวท ทีนี้วกกลับมาที่ภาคเหนือและภาคอีสาน
คำถามที่จะต้องถาม คือ ทรัพยากรอยู่ที่ไหน? หรือ
ภายใต้ประเทศใหม่จะบริหารประเทศแบบไหน? และประเด็นที่สำคัญคือ
ทำไมเราต้องยกกรุงเทพซึ่งเป็นศูนย์กลางของความมั่งคั่งตกไปอยู่ในมือของพวกอันธพาลด้วย

ทีนี้ถ้าเราพูดถึงการเมืองชนชั้น มันมีปรากฎการณ์หนึ่งที่เราต้องมีคำตอบ
กรณีที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กรณีล่าสุดคือ
พนักงานธนาคารออมสินที่ออกมาคัดค้านการให้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือชาวนาคนยากคนจน
ทำคนเหล่านี้ถึงใจจืดใจดำขนาดนี้?
ทำไมพวกนี้กลายพันธ์ไปเป็นองค์ลัษณ์พิทักฝ่ายม๊อบสุเทพได้อย่างไร? คำอธิบายคือ
เราฝ่ายเสื้อแดงและฝ่ายซ้ายไม่ได้เข้าไปจัดตั้งในสหภาพแรงงาน
แต่ปล่อยให้ฝ่ายขวาเข้าไปจัดตั้งแทน
พวกนั้นจึงยึดถือผลประโยชน์ของฝ่ายปฏิกิริยาเป็นหลัก

ส่วนใหญ่ของข้อถกเถียงทางการเมืองของฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยนั้นยังอยูในกรอบที่ยังไม่ค่อยพัฒนาไปไกลนัก
โดยยืนอยู่ที่การรักษากรอบประชาธิปไตยเดิมๆที่มีอยู่
ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยเดินหน้าประนีประนอม กรอบเดิมๆ
เหล่านี้ก็จะไม่เหลือมิหนำซ้ำเราก็จะได้โครงสร้างทางการเมืองที่แย่กว่าเดิม
ถ้าเราไม่อยากวนซ้ำที่เดิม
เราต้องพัฒนาการเมืองของฝ่ายประชาธิปไตยให้ไปไกลมากกว่าที่เป็นอยู่

การเรียกร้องให้มวลชนออกมาสำแดงพลังเป็นเรื่องที่ดีและต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องแต่มันไม่เพียงพอ 
เพราะถ้าไม่มีพรรคการเมืองที่ก้าวหน้ารับช่วงต่อพลังของมวลชนที่ออกมาแต่ละครั้งก็จะสลายไป
การที่มวลชนจะคานอำนาจของพรรคการเมืองได้นั้น จะต้องเป็นมวลชนที่มีการจัดตั้งทางการเมือง
และอุดมการณ์ทางการเมืองที่นำมาจัดนั้นจะต้องเป็นการเมืองที่เน้นผลประโยชน์ทางชนชั้น
สามารถรับมือกับความซับซ้อนของความขัดแย้งทางชนชั้นที่เกิดขึ้น
พรรคการเมืองที่เราต้องการมากๆ ในขณะนี้
จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการท้าทายระบบเก่าจริงๆ  สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยนั้นเคยทำมาก่อน โดยการจัดตั้งกรรมาชีพอย่างเป็นระบบ
เริ่มมาตั้งแต่ยุค 2475 ซึ่งการต่อสู้ในเมืองนั้นเต็มไปด้วยความดุเดือด
ก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จะหันไปรับแนวเหมาและเน้นการตั้งฐานที่มั่นในป่าแทนในเมือง  


ถ้าเราจะหนีจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่
มันไม่มีทางลัด มันหนีไม่พ้นที่จะต้องพูดถึงและให้ความสำคัญกับการจัดตั้ง และ
มีพรรคการเมืองทางเลือกจริงๆ ไม่อย่างนั้นเราก็จะกลับไปอยู่ในโครงสร้างทางการเมืองแบบเก่าๆ 

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s