ใจ อึ๊งภากรณ์
ในการสร้างประชาธิปไตย เราคงจะต้องรื้อถอน ยกเลิก หรือปฏิรูปหลายองค์กรหลายสถาบันที่เป็นอุปสรรค์ต่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย แน่นอนสถาบันหลักที่ต้องรื้อถอนคือทหาร แต่สถาบันและโครงสร้างของศาสนาพุทธคงต้องได้รับการปฏิรูปแบบถอนรากถอนโคนด้วย
คนห่มผ้าเหลืองที่ใช้ชื่อหรูว่า “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์” ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ออกมาพูดชมเชยและให้กำลังใจคณะทหารเถื่อน ที่ยึดอำนาจจากประชาชน และยังพูดอีกว่าประยุทธ์มือเปื้อนเลือดมีคุณสมบัติที่ดีที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
“พระ” ประจบสอพลอเลียเผด็จการคนนี้ ยังหน้าด้านพูดอีกว่าประชาชนควรใช้ศีล5 ในการปรองดองตามคำสั่งประยุทธ์
“สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์” คงลืมไปแล้วมั้งว่าศีล5ประกอบไปด้วยอะไร
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากฆ่า แต่ประยุทธ์มันมือเปื้อนเลือดจากการฆ่าเสื้อแดง 90 คน
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้ แต่ประยุทธ์ขโมยประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของพลเมืองไทยไป
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ แต่ประยุทธ์โกหกว่า “ต้อง” ทำรัฐประหาร “เพื่อแก้ปัญหา” ในขณะที่ทหารเป็นตัวปัญหาแต่แรก
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
สรุปแล้วประยุทธ์ เจ้านายของ “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์” กระทำผิดศีลข้อ 1,2 และ 4
ตั้งแต่ยุคเผด็จการสฤษดิ์ในอดีต มีการทำให้องค์กรศาสนาเป็นเครื่องมือรับใช้เผด็จการและอำมาตย์ ดังนั้นในการสร้างประชาธิปไตยเราคงต้องรื้อถอนองค์กรศาสนา ยกเลิกตำแหน่งพระสังฆราช และแยกศาสนาพุทธออกจากรัฐ ให้ทุกศาสนาเป็นเรื่องความศรัทธาส่วนตัว