ใจ อึ๊งภากรณ์
วันก่อนตอนเช้าตรู่ ไม่รู้เป็นอะไร อาจห่มผ้าร้อนเกินไปก็ได้ ผมฝันแปลกๆ ฝันว่าชักปืนยิงไอ้ประยุทธ์ตายคาที่
ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากอาจฝันเล่นๆ ไปแบบนี้ด้วย หรืออาจคิดในใจว่าอยากเห็นคนพลีชีพระเบิดแกนนำเผด็จการทหารไทยให้ตายหมด
แต่มันคงไม่แก้ปัญหาอะไรหรอก
ในประการแรก ตอนผมฝันว่าผมชักปืนยิงไอ้ประยุทธ์ตายคาที่ ปัญหาที่ตามมาทันทีคือผมจะหนีตำรวจทหารได้อย่างไร แต่ที่สำคัญกว่านั้นหลายร้อยเท่าคือ กิจกรรมของปัจเจกหรือกลุ่มเล็กๆ ในการก่อการร้าย มีผลทำให้ฝ่ายผู้มีอำนาจใช้มาตรการปราบปรามประชาชนธรรมดาหนักขึ้น ซึ่งเห็นชัดจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลในยุโรปนำมาใช้กับชาวมุสลิม และมาตรการในการลดสิทธิเสรีภาพสำหรับพลเมืองทุกคน ที่ตามหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายทุกครั้ง เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจมักจะอ้างว่าต้องลงมือหนักๆ เพื่อรักษาความมั่นคง พูดง่ายๆ การก่อการร้ายเป็นข้ออ้างยอดเยี่ยมสำหรับชนชั้นปกครองที่จะทำลายเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของเรา ซึ่งเห็นได้จากการที่รัฐบาลฝรั่งเศสห้ามการเดินขบวนหลังเหตุการณ์ที่ปารีส หรือการที่รัฐบาลต่างๆ บุกเข้าไปค้นบ้านคนที่หน้าตาดำๆ หน่อย หรือนับถือศาสนาที่ไม่ใช่คริสต์ หรือการที่รัฐบาลต่างๆ รีบออกกฏหมายให้อำนาจตำรวจในการขังคนนานขึ้นโดยไม่ต้องขึ้นศาล หรือการที่รัฐบาลเพิ่มอำนาจในการสอดแนมดูกิจกรรมของประชาชนมากขึ้นเป็นต้น
ในประการที่สอง ถ้าใครสักคนสามารถกำจัดคนเลวๆ ที่น่ารังเกียจอย่างไอ้ประยุทธ์ให้ดับคาที่ รับประกันได้เลยว่าจะมีนายพลหน้าเหี้ยหน้าหมูรีบเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนทันที ไม่ว่าเราจะฆ่านายทหารชั้นสูงหรือนักการเมืองระยำไปกี่คน มันมีสัตว์เลื้อยคลานรออยู่ในคิวที่จะเข้ามาแทนที่อย่างต่อเนื่อง
นักสังคมนิยมมาร์คซิสต์ชื่อ ลีออน ตรอทสกี เคยอธิบายว่าผู้ก่อการร้ายเหมือนพวกคลั่งรัฐสภา เพราะคิดว่าแค่เปลี่ยนใบหน้าผู้นำก็จะแก้ปัญหาได้ เขาอธิบายต่อว่าพวกที่ชื่นชมวิธีก่อการร้ายเป็นพวกที่มองว่าดินปืนหยิบมือเดียวสามารถแก้ปัญหาสังคมได้ คือไม่ต้องสร้างพรรค ไม่ต้องทำงานมวลชน ไม่ต้องสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ลงมือทำคนเดียวได้หมด
เลนิน มิตรสหายปฏิวัติของตรอทสกี มีประสบการโดยตรงจากการก่อการร้ายในรัสเซีย เพราะพี่ชายเขานิยมแนวนี้และถูกประหารชีวิตหลังจากที่พยายามวางระเบิดกษัตริย์ กิจกรรมแบบนี้ไม่มีผลอะไรเลย แต่ในปี ค.ศ. 1917 สิ่งที่มีผลอันยิ่งใหญ่คือการลุกฮือปฏิวัติของมวลชนกรรมาชีพ ทหารเกณฑ์ และเกษตรกร ซึ่งสามารถเปลี่ยนระบบจากเผด็จการล้าหลังมาเป็นสังคมนิยมได้ แต่น่าเสียดาย เมื่อพลังมวลชนลดลงอันเนื่องจากความโดดเดี่ยวของโซเวียดรัสเซีย การปฏิวัติก็ล้มเหลวท่ามกลางการขึ้นมาของเผด็จการสตาลิน
จะเห็นได้ว่าเรื่องการสร้างพลังมวลชนและขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชน รวมไปถึงพรรคการเมืองมวลชน เป็นเรื่องชี้ขาดในการเปลี่ยนระบบอำนาจ และเราต้องมองไปที่ฐานอำนาจของชนชั้นปกครองด้วย ไม่ใช่มองและสนใจแค่ตัวบุคคลที่เป็นผู้นำ
นักเคลื่อนไหวบางคนมองหาวิธีเปลี่ยนระบบที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยการสร้างพลังมวลชนและขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชน คนเหล่านี้มีจุดยืนคล้ายคนที่นิยมการก่อการร้ายในเรื่องหนึ่ง แต่คิดต่างกันในเรื่องอื่น คือเขามองว่าการประท้วงเชิงสัญลักษณ์จะกระตุ้นให้มวลชนลุกฮือตามโดยอัตโนมัติ เหมือนกับที่ผู้ก่อการร้ายบางคนคิดว่าการวางระเบิดจะกระตุ้นให้มวลชนลุกฮือตาม แต่มันไม่เคยเป็นอย่างนั้นในโลกจริง
การก่อการร้ายเป็นการกระทำของกลุ่มที่อ่อนแอกว่าฝ่ายตรงข้าม คือการแอบวางระเบิดทำได้ในขณะที่ไม่สามารถปะทะกับฝ่ายตรงข้ามในสงครามแบบกระแสหลัก และที่สำคัญคือความป่าเถื่อนของการก่อการร้าย เป็นเงาสะท้อนความป่าเถื่อนของฝ่ายตรงข้ามเสมอ ดังนั้นเวลาเราเห็นข่าวการก่อการร้ายที่เบลเยียมหรือฝรั่งเศสเราไม่ควรลืมเลยว่ารัฐบาลยุโรปตะวันตกกับสหรัฐ และพันธมิตรนาโต้ ฆ่าประชาชนบริสุทธ์ในการก่อสงครามมาจำนวนมากและในสงครามที่ต่อเนื่องมาหลายสิบปีด้วย
การก่อการร้ายของไอซิล ที่อาศัยหนุ่มสาวที่ไร้อนาคตในยุโรป เป็นการกระทำที่โต้ตอบความป่าเถื่อนของรัฐบาลยุโรป แต่มันไปลงที่พวกเราประชาชนธรรมดา ทั้งในการถูกวางระเบิด และการที่รัฐบาลใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดทอนเสรีภาพ แต่ที่แน่นอนคือมันไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิงในการทำลายจักรวรรดินิยมตะวันตก และมันไร้ประสิทธิภาพในการห้ามไม่ให้รัฐบาลจักรวรรดินิยมทำสงครามด้วย เพราะสิ่งที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้จริงคือขบวนการมวลชนในตะวันตกและในตะวันออกกลาง