สหายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ยังติดคุก

ใจ อึ๊งภากรณ์

เวลาประมาณ 12:00 ของวันที่ 30 เมษายน 2554 สหายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ถูกควบคุมตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประทศ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งต่อเขาว่า เขาถูกออกหมายจับโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในข้อหาตามมาตรา 112 ทนายความของสมยศได้พยายามติดต่อขอประกันตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ไม่ได้ประกันตัว และไม่เคยได้ประกันตัวเลยหลังจากนั้น

Somyot-Prueksakasemsuk

สมยศ เป็นนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยและความเท่าเทียม ก่อนหน้าที่เขาจะมาเป็นบรรณาธิการวารสารของเสื้อแดง เขาเคยทำงานด้านแรงงาน สมยศเคยมีส่วนสำคัญในการจัดตั้งสหภาพแรงงานหลายแห่งในอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยเฉพาะในย่านรังสิต

Untitled

ผมเคยพบและพูดคุยกับสมยศหลายครั้ง และถึงแม้ว่าเราจะมีข้อแตกต่างในรายละเอียดบางอย่างของการเมืองฝ่ายซ้าย หรือการเมืองของขบวนการแรงงาน แต่เราสองคนรักษามารยาทและเคารพซึ่งกันและกัน หลายครั้งสมยศจะเชิญผมไปคุยกับคนงานในเรื่องการเมืองสังคมนิยมด้วย

ผมเข้าใจว่าทุกวันนี้เขามีหน้าที่ในห้องสมุดของคุก ซึ่งน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนนักโทษคนอื่นๆ

12295374_10206434082623538_6400719534773076811_n

บทความที่ทำให้เขาติดคุกอยู่ถึงทุกวันนี้ เขาไม่ได้เป็นคนเขียนเอง แค่เป็นบรรณาธิการ อย่างไรก็ตามเขาไม่ยอม “สารภาพความผิด” เพื่อให้มีการลดโทษ เพราะเขามองว่าการติดคุกของเขาควรจะเป็นเรื่องที่เปิดโปงข้อเสียของกฏหมาย 112

ในความเห็นผม กฏหมาย 112 เป็นกฏหมายที่ทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยสิ้นเชิง และสังคมใดที่เราไม่สามารถพูดอะไรบางอย่างได้เกี่ยวกับการเมือง ไม่ถือว่าเป็นประชาธิปไตย     การแก้กฏหมาย 112 ให้สำนักงานหนึ่งเป็นผู้ฟ้องแต่ฝ่ายเดียว ควบคู่กับการลดโทษ ไม่สามารถแก้ปัญหาว่า 112 เป็นกฏหมายที่ปิดปากประชาชน ใช้กระบวนการลับในศาล และทำให้การพูดความจริงเป็นสิ่งที่ผิดได้

คนที่ปกป้องกฏหมาย 112 มักจะอ้างว่า ถ้ากษัตริย์ไม่มีอำนาจและเป็นแค่ประมุข ไม่ควรมีใครไป “ลบหลู่” หรือวิจารณ์ แต่ถึงแม้ว่ากษัตริยไทยเป็นเพียงเครื่องมือของทหารและอำมาตย์ มันมีหลายเรื่องที่นายภูมิพลต้องรับผิดชอบเอง เช่นทำไมเขานิ่งเฉยเวลาสามชายบริสุทธิ์ถูกประหารชีวิตในกรณีการยิงรัชกาลที่ ๘ ทั้งๆ ที่นายภูมิพลทราบว่าในเหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้น หรือทำไมนายภูมิพลไม่เคยตำหนิการทำรัฐประหารที่ทำลายระบบประชาธิปไตย และทำไมเขาถึงเสนอลัทธิเศรษฐกิจพอเพียงที่แช่แข็งความเหลื่อมล้ำในสังคมตามแนวเสรีนิยมกลไกตลาดสุดขั้ว ทั้งๆ ที่ตนไม่มีหน้าที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของชาติแต่อย่างใด การถามคำถามแบบนี้ไม่ใช่การ “ลบหลู่นายภูมิพล แต่เป็นการตั้งคำถามในเรื่องความจริงต่อบุคคลสาธารณะคนหนึ่ง

แต่เนื้อในสำคัญของกฏหมาย 112 และสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้อยู่ที่ตัวนายภูมิพล เพราะนายภูมิพลเป็นคนที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นกษัตริย์อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ โดยทหารเผด็จการในยุคสงครามเย็น จึงกลายเป็นเครื่องมือของทหารเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้นกฏหมาย 112 มีบทบาทสำคัญในการปกป้องอำนาจอันไม่ชอบธรรมของทหาร นี่คือสาเหตุที่เราเห็นการใช้กฏหมายนี้บ่อยขึ้นอย่างน่าใจหายภายใต้เผด็จการของไอ้ยุทธิ์มือเปื้อนเลือด นี่คือสาเหตุที่ข้อหา “ล้มเจ้า” กลายเป็นข้อแก้ตัวในการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชนทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น

วัตถุประสงค์สำคัญในการใช้กฏหมาย 112 ก็เพื่อปราบปรามนักประชาธิปไตยที่เป็น “ฝ่ายซ้าย” ซึ่งหมายถึงคนที่รักความเป็นธรรม รังเกียจความเหลื่อมล้ำ และต้องการเห็นสังคมที่พลเมืองทุกคนมีความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ

ในยุค ๖ ตุลา ยุคหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา และในยุคมืดหลังรัฐประหารของประยุทธ์ คนที่โดนกฏหมาย 112 และที่เป็นนักโทษการเมืองปัจจุบัน ย่อมจะเป็นนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการใช้ 112 แบบนี้ คือใช้ในการปราบปรามกระแสสังคมนิยมหรือความพยายามที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม พูดง่ายๆ กฏหมาย 112 เป็นกฏหมายที่ช่วยรักษาความเหลื่อมล้ำและโครงสร้างชนชั้นในสังคมไทย

พวกฝ่ายขวาอนุรักษ์นิยม โดยเฉพาะทหารที่เกลียดชังประชาธิปไตย มักจะพูดว่าไทย “จำเป็น” ที่จะมีกฏหมาย 112 เพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่คำถามใหญ่ที่เราควรถามคือ ทำไมเราต้องมีสถาบันปรสิตล้าหลังอันนี้ในยุคปัจจุบัน เพราะมันขัดกับหลักวิทยาศาสตร์และหลักความเท่าเทียมของมนุษย์

การที่ชนชั้นนำไทยเกรงกลัวการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์โดยประชาชน หมายความว่ากษัตริย์ไม่ได้เป็นที่รักและเคารพของพลเมืองทุกคน มันสะท้อนว่าพวกนี้ขาดความมั่นใจ เขากังวลเรื่องอนาคตที่เขาจะโหนเกาะสถาบันกษัตริย์เพื่อให้ความชอบธรรมกับตนเองต่อไป

12928283_1299337720080269_4890856468121206166_n

ในความเห็นของผม ซึ่งอาจแตกต่างจากความเห็นของสหายสมยศ (ผมไม่ทราบ) กฏหมายเถื่อน 112 นี้แก้ไขให้ดีขึ้นไม่ได้ มันต้องยกเลิกอย่างเดียว แล้วต้องปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน แต่ท้ายสุดแล้ว เราควรเปลี่ยนประเทศของเราให้เป็นสาธารณรัฐ