ใจ อึ๊งภากรณ์
การที่ศาล(เตี้ย)รัฐธรรมนูญ ที่แต่งตั้งโดยเผด็จการประยุทธ์ สั่งปลด ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด มันเป็นแค่อีกตัวอย่างหนึ่งของกลไกต่างๆ ที่เผด็จการทหารสร้างขึ้นเพื่อต่อยอดอำนาจของทหารในระบบ “ประชาธิปไตยครึ่งใบภายใต้ผู้นำเผด็จการ” หรือระบอบ “เผด็จการรัฐสภา”
เมื่อสองอาทิตย์ก่อน iLaw รายงานถึง 10 สาเหตุที่ประยุทธ์ไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งได้ [ดู https://prachatai.com/journal/2019/11/85125 ] มีการกล่าวถึงการที่ประยุทธ์ไม่ใช่สส. การที่เผด็จการประยุทธ์คุมอำนาจตลอดเวลาที่มีการเลือกตั้ง การที่ทหารเขียนกติกาเอง การที่ทหารแต่งตั้งศาลและกกต. และการสร้างอุปสรรค์ทั้งหลายให้กับพรรคฝ่ายค้าน ยิ่งกว่านั้นในที่สุดพรรคทหารได้คะแนนเสียงและที่นั่งน้อยกว่าพรรคที่ต้านทหารอีกด้วย
นอกจากนี้ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าทหารกำลังข่มขู่ผู้เห็นต่างด้วยวิธีผิดกฏหมาย [ดู https://prachatai.com/journal/2019/11/85172 ] แต่ในยุค “เผด็จการรัฐสภา” ทหารทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนใจกฏหมาย
คำถามสำคัญที่พวกเราจะต้องชูขึ้นมาคือ ทำไมฝ่ายประชาธิปไตยถึงอ่อนแอ?
เพราะการที่เผด็จการประยุทธ์สามารถสืบทอดอำนาจด้วยกลไกและองค์กรต่างๆ ของมัน ไม่ได้เป็นเรื่องชี้ขาดว่าสังคมเราจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ และนิยายหลอกเด็กว่ากษัตริย์ปัญญาอ่อนวชิราลงกรณ์มีอำนาจล้นฟ้า เพียงแต่เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นในการต่อสู้ เพื่อเป็นคำแก้ตัวสำหรับคนที่หมดแนวทางในการต่อสู้ [ดู https://bit.ly/2GcCnzj ]
เรื่องชี้ขาดที่ทำให้เผด็จการประยุทธ์ยังคงดำรงอยู่ได้ คือความอ่อนแอของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อประชาธิปไตยนอกรัฐสภา
ความอ่อนแอนี้ไม่ได้มาจากการปราบปรามของฝ่ายเผด็จการเป็นหลัก แต่มาจากการที่แกนนำทางการเมืองของพรรคต่างๆ ที่ต้านทหาร ไม่ต้องการสนับสนุนและสร้างขบวนการเคลื่อนไหวดังกล่าว เช่นการที่ทักษิณแช่แข็งขบวนการเสื้อแดงเพื่อหวังประนีประนอมกับฝ่ายทหาร และการที่พรรคอนาคตใหม่ไม่เคยสนใจที่จะทำอะไรนอกจากการเล่นละครในรัฐสภาหรือการพูดถึงกฏหมายและรัฐธรรมนูญ
สิ่งเหล่านี้สำคัญเพราะมันมีผลในการลดความมั่นใจของคนธรรมดาที่จะเคลื่อนไหว
การเคลื่อนไหวที่ผมพูดถึงไม่ใช่การออกรบแบบหัวชนฝาเพื่อพลีชีพ แต่มันเป็นการสร้างเครือข่ายและเคลื่อนไหวของมวลชนแบบที่ใช้สติปัญญา
การที่ธนาธรตอนนี้มีแค่สถานภาพของพลเมืองนอกรัฐสภา เป็นโอกาสทองที่เขาจะเริ่มสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม
แต่ธนาธรจะทำหรือไม่? เพราะเขาเป็นแค่นักการเมืองนักธุรกิจที่เคยสนับสนุนการเคลื่อนไหวในอดีต ในฐานะนักธุรกิจเขาเน้นผลประโยชน์กลุ่มทุนเหนือผลประโยชน์ของสหภาพแรงงานและกรรมาชีพ และพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้รณรงค์เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการเต็มรูปแบบหรือครบวงจร เขาแค่แสดงความจริงใจในการต้านทหารเผด็จการ
ผู้เขียนหวังว่าธนาธรจะเปลี่ยนใจและหันมารณรงค์สร้างขบวนการเคลื่อนไหวที่มีพลัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไปรอหรือตั้งความหวังว่าเขาจะทำไม่ได้ ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีมวลชนต้องสร้างจากล่างสู่บน โดยพลเมืองรากหญ้าที่เป็นกรรมาชีพและเกษตรกร อย่างที่เขาทำกันในขณะนี้ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก [ดู https://bit.ly/2OxpmVr ]
อ่านเพิ่ม การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในไทย https://bit.ly/2BYxAyd