ใจ อึ๊งภากรณ์
ขอชื่นชมและสมานฉันท์กับมวลชนผู้รักประชาธิปไตยที่ออกมาร่วมชุมนุม “แฟลชม็อบ” #ไม่ถอยไม่ทน ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ และที่เชียงใหม่ ตามคำเชิญชวนของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่
ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคนฝ่ายประชาธิปไตยที่กระแนะกระแหนวิจารณ์พรรคอนาคตใหม่อย่างไร้สาระในเรื่องนี้ ใครที่อ่านบทความของผมมาตั้งแต่การก่อตั้งของพรรคอนาคตใหม่ จะทราบดีว่าผมพร้อมที่จะวิจารณ์สิ่งที่ผมมองว่าเป็นข้อเสียของพรรคและของแนวคิดของธนาธรและคนอื่นในแกนนำ แต่ทุกคนที่รักประชาธิปไตยและเข้าใจความสำคัญของการเคลื่อนไหวของมวลชนในการล้มเผด็จการ ควรจะชื่นชมการเปลี่ยนใจของธนาธรและพรรคพวก ที่เดิมเน้นแต่การเล่นเกมส์ในรัฐสภาตามกติกาเผด็จการ
การก่อ “แฟลชม็อบ” #ไม่ถอยไม่ทน ครั้งนี้พิสูจน์สิ่งสำคัญสองสิ่ง
หนึ่ง มันพิสูจน์ว่า “การลงถนน” ไม่ได้นำไปสู่การเสียเลือดเนื้อหรือเป็นการ “เข้าทางเผด็จการ” แต่อย่างใดตามที่พวกแนว “นิ่งเฉยไม่ทำอะไร” ชอบอ้าง มันพิสูจน์ความเฮงซวยของพวกหมาเห่าที่ชอบด่าพวกเราที่อยู่ต่างประเทศในทำนองว่า “แน่จริงทำไมไม่กลับไทยไปจัดม็อบเอง”
สอง มันพิสูจน์ความสำคัญของการนำ โดยเฉพาะจากแกนนำพรรค ในการสร้างการชุมนุมของมวลชน และการที่ผู้รักประชาธิปไตยหลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ สามารถสามัคคีและร่วมชุมนุมด้วยกัน การชุมนุมครั้งนี้สามารถระดมคนหลายพันคน และเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ข้อสรุปสำคัญมีสองข้อด้วยคือ
หนึ่ง การสร้างขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชนนอกรัฐสภา เพื่อล้มเผด็จการและสร้างประชาธิปไตยยังทำได้ ไม่ใช่เรื่องในอดีตหรือสิ่งไม่จำเป็น
สอง คนที่เป็นแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่สำคัญในการสร้างขบวนการมวลชนดังกล่าว และการที่ไม่ค่อยมีการชุมนุมของฝ่ายประชาธิปไตยในอดีต เป็นความผิดของแกนนำทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทักษิณที่แช่แข็งเสื้อแดงจนไม่เหลืออะไร หรือแกนนำพรรคอนาคตใหม่ที่เดิมไม่ยอมทำอะไรนอกรัฐสภา แต่ถ้าธนาธรกับพรรคอนาคตใหม่จริงใจที่จะจัดการชุมนุมอีกในอนาคต และเปลี่ยนใจเพื่อหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมมันจะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง
แน่นอนเราไม่ควรไว้ใจแกนนำของพรรคการเมืองกระแสหลักอย่างอนาคตใหม่หรือเพื่อไทยอย่างเดียว แกนนำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่อยู่นอกสองพรรคการเมืองนี้มีอีกมากมาย และทุกคนควรจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างและผลักดันให้เกิดขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชนเพื่อล้มเผด็จการรัฐสภา
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยต้องให้ความสำคัญกับการทำงานทางการเมืองในสหภาพแรงงาน และกลุ่มนักศึกษา เพราะประวัติศาสตร์โลกและประวัติศาสตร์ไทยสอนให้เรารู้ว่าการเคลื่อนไหวของมวลชนที่มีพลังเพียงพอที่จะล้มเผด็จการและสร้างสังคมใหม่ ย่อมอาศัยพลังของชนชั้นกรรมาชีพ