ปัจเจกหรือมวลชน?

คนที่ออกมาสู้แบบปัจเจกมีความจริงใจ กล้าหาญ และเสียสละจริง แต่การต่อสู้แบบปัจเจกมีปัญหาที่เราต้องวิจารณ์ มันเป็นการเอาตัวเองมาแทนมวลชน ในที่สุดจะล้มเหลว ทำแบบมหาตมา คานธี  ที่อดอาหารแทนการปลุกพลังมวลชน คิดว่าความชอบธรรมมีพลัง แต่หันหลังให้พลังแท้ของกรรมาชีพที่จะไล่เจ้าอาณานิคมหรือล้มเผด็จการได้ มันเป็นกลยุทธ์ที่หลงคิดว่าการกระทำที่สร้างข่าวจะปลุกกระแสมวลชนโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องทำงานจัดตั้ง

ถ้าเราเห็นใจและอยากสมานฉันท์กับผู้ที่สู้แบบปัจเจก เราต้องกลับมาพิจารณาการสร้างขบวนการมวลชนที่มีพลัง ขบวนการคนหนุ่มสาวที่ต่อสู้มาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างการปลุกระดมมวลชนเป็นแสน มันเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจต่อสภาพสังคม แต่การต่อสู้ครั้งนั้น ไม่สนใจจัดตั้งพลังกรรมาชีพ เน้นความชอบธรรม เน้นสัญลักษณ์ เน้นการสร้างเครือข่ายหลวมๆ และชูตัวบุคคลที่เป็นแกนนำ ทั้งๆ ที่ประกาศว่าไร้ผู้นำ

แค่ชื่นชมการต่อสู้ จิตใจกล้าหาญ ของนักสู้ปัจเจก ไม่พอ ต้องหาทางฟื้นขบวนการมวลชน และต้องเดินออกห่างจากการเน้นการต่อสู้แบบปัจเจกชน บางครั้งอาจจะปลุกระดมคนได้บ้างชั่วคราว แต่พอกระแสลง จะไม่เหลือองค์กรที่สามารถรักษาระดับการต่อสู้ระยะยาวได้ต่อไป นั้นคือสาเหตุที่เราเน้นการจัดตั้งพรรคฝ่ายซ้ายพร้อมกับการสร้างมวลชนเสมอ

เราต้องลดความโรแมนติกในการต่อสู้แบบปัจเจกลง และเลิกการออกมาแสดง “ความเคารพ” เฉยๆ ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยโศกนาฏกรรมของนักต่อสู้กล้าหาญที่เลือกแนวทางปัจเจกเพราะมองไม่ออกว่าจะเดินหน้าอย่างไร

ใจ อึ๊งภากรณ์