Tag Archives: การเลือกตั้งสหรัฐ

ดีแล้วที่ทรัมพ์แพ้การเลือกตั้งในสหรัฐ แต่กรรมาชีพไว้ใจไบเดนไม่ได้

มันเป็นเรื่องดีมากที่ทรัมพ์แพ้การเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา เพราะทรัมพ์เป็นนักการเมืองฝ่ายขวาตกขอบ เป็นนักการเมืองเศรษฐีที่สนับสนุนนายทุนและคนรวย และพร้อมจะใช้การเหยียดสีผิวเชื้อชาติเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความเดือดร้อนของประชาชนธรรมดาไปสู่การโทษต่างชาติ คนยิว คนมุสลิม คนผิวดำ และฝ่ายซ้าย แทนที่จะโทษระบบทุนนิยม ทรัมพ์และพรรคพวกพยายามสนับสนุนให้กลุ่มฟาสซิสต์ขยายอิทธิพล ซึ่งบางส่วนถืออาวุธและพร้อมจะใช้ความรุนแรง นี่คือวิธีการของเขาในการดึงคะแนนเสียงมาสนับสนุนเขาจนเกือบชนะการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ทรัมพ์เป็นคนที่พร้อมจะดูถูกและลวนลามสตรี

แต่ยิ่งกว่านั้นทรัมพ์จงใจโกหกในหลายเรื่องรวมถึงเรื่องโควิด เขาเป็นคนที่จงใจฝืนหลักฐานวิทยาศาสตร์ซึ่งเพิ่มอัตราการตายและอัตราการติดโรคสำหรับชาวสหรัฐโดยไม่จำเป็น ยิ่งกว่านั้นเขาพยายามจะทำลายระบบสาธารณสุขสำหรับคนจนและกรรมาชีพอีกด้วย ในเรื่องโควิดเขาไม่แคร์ว่าประชาชนธรรมดาจะตายโดยไม่จำเป็นเพราะเขาเห็นแก่ประโยชน์คนรวยเท่านั้น

แต่ชัยชนะของไบเดน ไม่ใช่เรื่องที่เราควรจะฉลอง ไบเดนไม่มีนโยบายอะไรที่ก้าวหน้าเลย เพราะไบเดนเป็นนักการเมืองกระแสหลักอนุรักษ์นิยมของฝ่ายทุน คือสองพรรคใหญ่ในสหรัฐสนับสนุนผลประโยชน์ของกลุ่มทุน ไม่มีพรรคใดที่สนับสนุนผลประโยชน์ของกรรมาชีพหรือคนจน

กลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย

จริงอยู่ภายในพรรคเดโมแครตมีกลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย และกลุ่มนี้มีผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้งในสภาหยิบมือหนึ่ง แต่กลุ่มนี้จะไม่มีอิทธิพลแต่อย่างใดกับรัฐบาลของไบเดน และกลายเป็น “ไม้ประดับ” ที่สร้างภาพความก้าวหน้าปลอมของพรรคเท่านั้น ในการเลือกผู้ที่จะลงแข่งกับทรัมพ์ ในช่วงต้นๆ เบอร์นี แซนเดอร์ส นักการเมืองแนวสังคมนิยมประชาธิปไตยมาแรง แต่ในที่สุดพวก “ผู้ใหญ่” ในพรรคเดโมแครตก็จัดการให้เขาต้องถอนตัวภายใต้ระบบของพรรคที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

เบอร์นี แซนเดอร์ส

ไบเดนชนะเพราะสาเหตุเดียวเท่านั้นคือเขาไม่ใช่ทรัมพ์ ไม่มีใครตื่นเต้นอะไรกับนโยบายของเขา และเขาเกือบแพ้เพราะคนจนและกรรมาชีพส่วนหนึ่งไม่อยากออกมาลงคะแนนให้ใคร และอีกส่วนโดนทรัมพ์ชักชวนให้หาแพะรับบาปสำหรับปัญหาความยากจน หลายคนคาดว่าถ้าเบอร์นี แซนเดอร์สเป็นผู้แทนของพรรคเดโมแครต แทนไบเดน เขาคงจะสร้างความตื่นเต้นและความหวังสำหรับคนธรรมดาไม่น้อยและน่าจะชนะทรัมพ์ง่ายกว่า

ในขณะที่ทรัมพ์แพ้ เขาและพวกฝ่ายขวาตกขอบกับพวกฟาสซิสต์ก็จะไม่หยุดขยายความเกลียดชังและความรุนแรงในสังคมสหรัฐ คนธรรมดาจะต้องออกมาต้านพวกนี้ เพราะเรื่องจะไม่จบที่ผลการเลือกตั้ง

ถ้าสังคมสหรัฐจะก้าวหน้าไปสู่ความเท่าเทียมและเสรีภาพจริง ความหวังไม่ได้อยู่ที่พรรคเดโมแครต แต่อยู่ที่การเคลื่อนไหวของมวลชน โดยเฉพาะในขบวนการ Black Lives Matter และขบวนการแรงงานซึ่งมีการนัดหยุดงานเมื่อเร็วๆ นี้ เช่นในกรณีสหภาพแรงงานครูเป็นต้น ซึ่งในประเด็นนี้ก็ไม่ต่างจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในไทย (ดูบทความก่อนหน้านี้ https://bit.ly/2GAkDCa )

สหภาพแรงงานครูนัดหยุดงาน

ใจ อึ๊งภากรณ์

ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุดในโลก

ใจ อึ๊งภากรณ์

การที่ โดนัลด์ ทรัมพ์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นจุดต่ำสุดของการเมืองและสังคมของประเทศนั้น คนที่ไปลงคะแนนให้ ทรัมพ์ ถ้าไม่ใช่พวกล้าหลังขวาตกขอบ ก็เป็นคนที่ต้องการระบายความโกรธต่อระบบการเมืองและสังคม โดยไม่คิดอะไรไปไกลกว่านั้น ปรากฏการณ์ของผู้ที่สนับสนุน ทรัมพ์ แบบนี้ แสดงให้เห็นว่าความไม่พอใจต่อชนชั้นปกครองและระบบกระแสหลัก ที่มีอยู่ทั่วโลก อาจออกมาในรูปแบบการเมืองฝ่ายขวาสุดขั้ว หรือออกมาในรูปแบบการเมืองฝ่ายซ้ายก็ได้ กระแสซ้ายคือคนที่เคยสนับสนุน เบอร์นี แซนเดอร์ส น่าเสียดายจังที่ แซนเดอร์ส พาคนไปถึงทางตันของการสนับสนุน คลินตัน โดยไม่สร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแต่อย่างใด

trump_0

แต่เราไม่ควรหลงคิดว่า ฮิลลารี คลินตัน เป็นคนก้าวหน้า และสาเหตุสำคัญที่เขาแพ้การเลือกตั้งก็เพราะคนจำนวนมากไม่ตื่นเต้นและปลิ้มในตัวเขา เพราะ คลินตัน คือนักการเมืองกระแสหลักและตัวแทนของกลุ่มทุนใหญ่

โดนัลด์ ทรัมพ์ เป็นนักการเมืองเหยียดสีผิวอย่างชัดเจน และเขาเคยพูดว่าคนเม็กซิโคเป็นพวก “ก่ออาชญากรรมทางเพศ” แต่จุดยืนของ ฮิลลารี คลินตัน ต่อเรื่องคนที่อพยพเข้าไปในสหรัฐ เพื่อพัฒนาชีวิตหรือหนีความรุนแรงในบ้านเกิด คล้ายกับ โดนัลด์ ทรัมพ์ ตรงที่ทั้งสองอยากเห็นสหรัฐเพิ่มการสร้างรั้วและกำแพงตรงชายแดนกับเม็กซิโค และอยากเห็นการเพิ่มมาตรการปราบปรามผู้ข้ามพรมแดนด้วย ผลคือผู้อพยพจะต้องเสี่ยงภัยมากขึ้น และในปีนี้คาดว่าร้อยกว่าคนต้องเสียชีวิตไปในอาริโซนาขณะที่พยายามเข้าสหรัฐ

ฮิลลารี คลินตัน เป็น ผู้แทนของทุนใหญ่สหรัฐโดยตรง เขาสัญญาว่าจะลดมาตรการที่ควบคุมบริษัทไฟแนแนส์ที่ถูกนำมาใช้หลังวิกฤตปั่นหุ้นปี 2008 ซึ่งอันนี้เป็นวิธีการเพิ่มกำไรให้กลุ่มทุน ดังนั้นสำหรับกรรมาชีพสหรัฐที่ถูกยึดบ้านหลังวิกฤต คลินตันพิสูจน์ว่าเขาอยู่เคียงข้างกับนายทุนใหญ่และหันหลังให้คนธรรมดา ในช่วงหาเสียงทุกครั้งที่โพล์แสดงว่าคะแนน คลินตัน นำทรัมพ์ ตลาดหุ้นจะพุ่งขึ้นด้วยความชื่นใจ

โดนัลด์ ทรัมพ์ เป็นนักการเมืองที่พยายามเอาใจคนจนหรือกรรมาชีพ แต่ ทรัมพ์ เคยพูดว่าค่าแรงของคนงานสหรัฐ “สูงเกินไป”

ความคิดสุดขั้วของทรัมพ์ทำให้นายทุนใหญ่จำนวนมากกลัวชัยชนะของเขา และนักการเมืองกระแสหลักในพรรครีพับลิกันเอง ก็หันหลังให้เขาด้วย สาเหตุที่นายทุนใหญ่ไม่ชอบ ทรัมพ์ ก็เพราะเขาพูดว่าจะปิดประเทศและกีดกันสินค้าจากต่างประเทศ ความจริงจะเป็นอย่างไรในรูปธรรมเราต้องรอดูในอนาคต แต่ที่ชัดเจนคือพรรครีพับลิกันแตกแยกอย่างรุนแรงและสิ่งนี้จะสร้างปัญหาให้ทรัมพ์

ในเรื่องระบบสาธารณสุข หลังจากกฏหมายใหม่ของ ประธานาธิบดีโอบาม่า จำนวนพลเมืองสหรัฐที่ไม่มีประกันสุขภาพลดลงเหลือ 8.6% ของประชากรทั้งหมด แต่ก็ยังแย่อยู่ เพราะพลเมือง 25 ล้านคนยังไม่สามารถเข้าถึงระบบประกันสุขภาพได้เลย นับว่าแย่กว่าประเทศไทยอีก อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมพ์ ต้องการหมุนนาฬิกากลับโดยยกเลิกนโยบายของ โอบาม่า ไปเลย ซึ่งจะทำให้พลเมืองสหรัฐที่ขาดการประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว สหรัฐเป็นประเทศพัฒนาประเทศเดียวในโลก ที่ทอดทิ้งประชาชนในเรื่องหลักประกันสุขภาพ สาเหตุหนึ่งคือสหรัฐไม่มีพรรคการเมืองของชนชั้นกรรมาชีพ

ในเรื่องสิทธิทำแท้งเสรี โดนัลด์ ทรัมพ์ คัดค้านเต็มที่ แต่นักการเมืองที่ ฮิลลารี คลินตัน เลือกมาเป็นผู้ลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีกับตนเอง เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับสิทธิทำแท้งเช่นกัน แต่แน่นอนพฤติกรรมลวนลามสตรีของ โดนัลด์ ทรัมพ์ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาดูถูกผู้หญิงอย่างรุนแรง และแถมยังภูมิใจในพฤติกรรมเลวทรามของตน เป็นสิ่งที่น่าเกลียดอย่างยิ่ง มันเหลือเชื่อที่คนแบบนี้จะมาเป็นผู้นำของประเทศได้

ในเรื่องนโยบายต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโอบาม่า เป็นผู้นำร่องในการเข่นฆ่าพลเรือนในตะวันออกกลางและในปากีสถานด้วยเครื่องบินไร้นักบิน (Drone) นอกจากนี้ โอบาม่า ผิดสัญญาว่าจะปิดคุกทหารกวานทานาโมเบย์ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง และเขาผิดสัญญาว่าจะยุติสงครามในอัฟกานิสถาน แต่อย่าไปหวังเลยว่า ทรัมพ์ จะเป็นประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ เพราะเขาเป็นคนก้าวร้าวที่ต้องการเพิ่มอำนาจและความยิ่งใหญ่ของสหรัฐ

ทรัมพ์ เป็นคนที่เกลียดชังคนมุสลิมอย่างเปิดเผย และเกลียดชังคนผิวดำด้วย แต่ในเรื่องการที่ตำรวจสหรัฐเข่นฆ่าคนผิวดำที่ไม่ได้ทำความผิดอย่างต่อเนื่อง คลินตัน ก็เคยหันหลังให้การเคลื่อนไหวของขบวนการ “ชีวิตคนผิวดำมีค่า” (Black Lives Matter) อย่างไรก็ตามที่ชัดเจนก็คือ ชีวิตของคนมีสีผิวในสหรัฐจะแย่ลงภายใต้รัฐบาลของทรัมพ์แน่นอน

สรุปแล้วการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นการเลือกระหว่างนักการเมืองระยำล้าหลังสองคนที่ประชาชนจำนวนมากไม่ต้องการและไม่ไว้ใจ แน่นอน ทรัมพ์ มันน่ารังเกียจในทุกเรื่อง แต่ คลินตัน เป็นพวกคลั่งสงครามจักรวรรดินิยมทั่วโลกและเป็นผู้แทนของกลุ่มทุนใหญ่ การเลือกตั้งที่น่าสมเพชครั้งนี้ไม่สามารถแก้วิกฤตทางสังคมในสหรัฐได้เลย

3828

ctu_strike_2012_09_11_2-950x570

ถ้าใครอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ต้องมีการสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม เช่นการต่อต้านท่อน้ำมันที่ดาโคต้า หรือการนัดหยุดงานของครูหรือคนงานในระบบคมนาคม และต้องมีความพยายามที่จะดึงอดีตผู้สนับสนุน เบอร์นี แซนเดอร์ส เข้ามาร่วมในการต่อสู้ของรากหญ้า สหรัฐควรจะมีพรรคการเมืองของกรรมาชีพ ที่เข้าข้างคนทำงานและคนจน และที่มีนโยบายก้าวหน้าในเรื่องสิทธิทางเพศหรือสีผิว และพรรคนี้ต้องมีนโยบายเพื่อปกป้องโลกจากวิกฤตสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สังคมสหรัฐจะพัฒนาได้ก็ต่อเมื่อมีการปะทะกับระบบทุนนิยม

นักสังคมนิยมสหรัฐที่มาก่อน เบอร์นี แซนเดอร์ส

ใจ อึ๊งภากรณ์

ปรากฏการณ์ของการทุ่มคะแนนเสียงให้ เบอร์นี แซนเดอร์ส นักสังคมนิยมที่กำลังลงแข่งกับ ฮิลลารี คลินตัน เพื่อหวังเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นปรากฏการณ์ของกรรมาชีพและคนหนุ่มสาวสหรัฐที่เบื่อหน่ายกับระบบ มันสอดคล้องกับกระแส Occupy ที่เคยยึดใจกลางเมืองเพื่อประท้วงกลุ่มทุนใหญ่และตลาดหุ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา และมันสะท้อนว่าในสหรัฐคนจำนวนมากพร้อมจะสนับสนุนแนวสังคมนิยม

2016-03-12-1457776885-8487260-berniesanders

อย่างไรก็ตาม ระบบการเลือกผู้แทนของพรรคเดโมแครต เป็นระบบที่ให้ประโยชน์กับคนอย่าง ฮิลลารี คลินตัน นักการเมืองกระแสหลัก เพราะ “ผู้ใหญ่” ในพรรคมีสิทธิพิเศษในการเพิ่มคะแนนให้คลินตัน ซึ่งคาดกันว่าจะทำให้เขาชนะ ดังนั้นถ้า เบอร์นี แซนเดอร์ส ไม่ประกาศสู้ต่อไปทั้งในและนอกรัฐสภา ถ้าเขาไม่สร้างขบวนการเคลื่อนไหวของฝ่ายซ้าย และถ้าเขาไม่แยกตัวออกจากพรรคเดโมแครต กระแสซ้ายของคนธรรมดาที่สนับสนุน เบอร์นี แซนเดอร์ส ด้วยเงินและคะแนนเสียง อาจถึงทางตัน

debs001TOUSE

ในอดีต ยูจีน เดบส์ นักสังคมนิยมที่มีบทบาทในการสร้างขบวนการแรงงานสหรัฐ ก็เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จุดยืนของเขามีอุดมการณ์ที่ซ้ายกว่า แซนเดอร์ส มาก เพราะเป็นนักปฏิวัติที่เน้นการต่อสู้นอกรัฐสภาเป็นหลัก แต่ในขณะเดียวกันใช้เวทีการเลือกตั้งเพื่อโฆษณาจุดยืนสังคมนิยม

ยูจีน เดบส์ เป็นคนงานรถไฟและนักเคลื่อนไหวสหภาพแรงงานที่ติดคุกสองครั้ง ครั้งแรกเพราะนำการนัดหยุดงานใหญ่ และครั้งที่สองเพราะรณรงค์ต่อต้านจักรวรรดินิยมและสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ในปี 1885 เขาได้รับเลือกเป็นผู้แทนในสภารัฐอินดีแอนนาภายใต้ธงของพรรคเดโมแครต ต่อมาในปี 1888 เขามีส่วนในการนัดหยุดงานที่ถูกปราบปรามจนพ่ายแพ้ ประสบการณ์นี้ทำให้เขาหันไปจัดตั้งคนงานรถไฟระดับล่างที่ไม่ค่อยมีฝีมือ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีสหภาพแรงงานเลย ในปี 1893 มีการนัดหยุดงานใหญ่ในบริษัทรถไฟ “พุลแมน” ซึ่งในยุคนั้นกลายเป็นการนัดหยุดงานที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมี ฝ่ายนายจ้างใช้อันธพาลและความรุนแรงเพื่อทำลายขวัญคนงาน และ ยูจีน เดบส์ ถูกจำคุก 6 เดือน

pullman-workersPullman-Strike

ในขณะที่ติดคุก เดบส์ มีโอกาสอ่านหนังสือ “ว่าด้วยทุน” ของคาร์ล มาร์คซ์ ซึ่งสำหรับ เดบส์ เป็นประสบการณ์คล้ายๆ กับถูกไฟฟ้าช็อต มันชวนให้เขาคิดหนัก และพอออกจากคุก เดบส์ เป็นนักปฏิวัติเต็มตัวและตัดสินใจหันหลังให้กับพรรคเดโมแครต

ยูจีน เดบส์ มักจะวิจารณ์ “นักสังคมนิยมน้ำเน่า” ที่พร้อมจะประนีประนอมเพื่อได้ตำแหน่งและอำนาจ เขาประกาศว่าเขาจะ “ไม่นำพวกคุณไปสู่แดนอารยะของสังคมนิยม เพราะถ้าผมนำคุณไปตรงนั้นได้ คนอื่นก็อาจจะนำคุณออกไปก็ได้” เขาเน้นว่าถ้าจะมีการปฏิวัติจะต้องเป็นการลุกฮือนำตนเองของมวลชน

socialist-party-1024x674-960x632

พรรคสังคมนิยมอเมริกา ที่ เดบส์ ก่อตั้งขึ้นมีสมาชิกเป็นแสน และมีตัวแทนในสภาคองเกรสสองคนรวมถึงสภาท้องถิ่นในหลายเมือง เดบส์ เห็นต่างจากพวกนักสหภาพแรงงานปฏิวัติที่เน้นการเคลื่อนไหวในสหภาพแรงงานอย่างเดียว และหันหลังให้กับการตั้งพรรคสังคมนิยม

ในปี 1912 ท่ามกลางกระแสนัดหยุดงานทั่วประเทศ เดบส์ ได้ 6% ของคะแนนเสียงทั่วประเทศในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

เมื่อเกิดการปฏิวัติสังคมนิยมในรัสเซียในปี 1917 เดบส์ ประกาศว่าตนเป็น “บอลเชวิคจากหัวจรดเท้า”

debs

ต่อมาในปี 1918 หลังจากที่เขาปราศัยต่อต้านสงครามโลกและจักรวรรดินิยม รัฐบาลสหรัฐจับ เดบส์ ขังคุกสิบปีในข้อหา “ความมั่นคง” อย่างไรก็ตามในปี 1920 ขณะที่ยังติดคุกอยู่ เขาลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งและได้คะแนน 1 ล้านเสียง ในที่สุดสภาพในคุกที่ย่ำแย่ก็ส่งผลให้กับสุขภาพของเขา ในปี 1926 ยูจีน เดบส์ ก็เสียชีวิต

เดบส์ยืนยันว่าชาวอเมริกาต้องสร้างพรรคสังคมนิยมเพื่อสู้กับ “พรรคริพับลิกัน-เดโมแครต” ซึ่งเสมือนพรรคเดียวของชนชั้นนายทุนในการต่อสู้ทางชนชั้น เขาอธิบายเพิ่มว่าความแตกต่างที่อาจมีระหว่างสองพรรคนี้ไม่ใช่ในจุดยืนทางการเมืองหรือชนชั้น แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์อย่างเดียว

คำอธิบายของ ยูจีน เดบส์ เกี่ยวกับสองพรรคกระแสหลักยังเป็นความจริงทุกวันนี้ และวิธีการจัดตั้งและการต่อสู้ของเขาเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่