Tag Archives: คดีเกาะเต่า

ในไทย ศาลกับความยุติธรรม ไม่เกี่ยวข้องกัน

ใจ อึ๊งภากรณ์

ศาลในไทยเป็นเครื่องมือรับใช้เผด็จการมานาน มันไม่เกี่ยวอะไรกับ “ความยุติธรรม” และเนื่องจากศาลไม่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม ชนชั้นปกครองไทยมีความจำเป็นที่จะสร้างกลไกเพื่อปกป้องศาลจากการถูกตรวจสอบโดยประชาชนตามแนวประชาธิปไตย

กฏหมายหมิ่นศาลกลายเป็นเครื่องมือเพื่อกีดกันการตรวจสอบศาล และเป็นเครื่องมือในการทำลายเสรีภาพในการแสดงออก เพราะเผด็จการของรัฐไทยในยุคนี้ต้องการที่จะทำให้ศาลมีสถานภาพเหมือน “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แตะต้องไม่ได้” ไม่ต่างเลยจากการใช้กฏหมาย 112 เพื่อปิดปากประชาชนไม่ให้ตรวจสอบประมุขและตรวจสอบการใช้ประมุขโดยทหารและชนชั้นปกครองไทยส่วนอื่น

ศาลเตี้ย

ตัวอย่างของ สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน นักแปล นักวิจัย ที่ถูกหมายเรียกเพราะแสดงความเห็นเรื่องคดีเลือกตั้งและการถือหุ้นสื่อ เป็นตัวอย่างที่ดีของการที่ศาลพยายามปิดปากไม่ให้ประชาชนแลกเปลี่ยนถกเถียงเรื่องคดี ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งถ้าจะสร้างความยุติธรรมในสังคมผ่านกระบวนการประชาธิปไตย

ในประเทศประชาธิปไตย “การหมิ่นศาล” ไม่เกี่ยวกับการวิจารณ์ศาล แต่เกี่ยวกับการไม่ทำตามคำตัดสินของศาลหรือการสร้างเหตุวุ่นวายภายในศาลในขณะที่กำลังพิจารณาคดี แต่เนื่องจากไทยไม่มีประชาธิปไตยหรือความยุติธรรม เราไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ศาลเลย

อีกคดีหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าศาลกับความยุติธรรมไม่เกี่ยวข้องกันคือคดีฆาตกรรมที่เกาะเต่า ศาลฎีกาพิพากษายืนประหารชีวิต ซอลิน และ เวพิว จำเลยชาวพม่า ซึ่งเป็นแพะรับบาปแทนพวกมาเฟียบนเกาะที่หลายคนสงสัยว่าเป็นผู้ร้ายที่แท้จริง นอกจากนี้มีการวิจารณ์การทำงานของตำรวจไทยภายใต้แรงกดดันให้หาคนร้ายโดยเร็วจากรัฐบาล โดยที่ตำรวจไม่ปกป้องสถานที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานตามวิธีการวิทยาศาสตร์

ใครๆ ก็ทราบดีว่าในสังคมไทย ตำรวจไม่เคยจับคนร้ายที่ใช้ความรุนแรงกับนักประชาธิปไตย ไม่เคยแก้ปัญหาการอุ้มฆ่า และมักจะอยู่ภายใต้อำนาจ “ผู้มีอิทธิพล” ดังนั้นการหาแพะรับบาป โดยเฉพาะในหมู่คนต่างชาติจากประเทศเพื่อบ้าน เป็นวิธีการปกติของตำรวจไทย

ในบริบทนี้ การรณรงค์ให้ยกเลิกโทษประหารยิ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับประเทศไทย

ในสังคมชนชั้นของระบบทุนนิยมทั่วโลก ศาลเป็นเครื่องมือร่วมกับทหารและตำรวจในการบังคับผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองและปกป้องรัฐ แต่ในสังคมที่มีการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ และมีการขยายพื้นที่ประชาธิปไตย ศาลถูกแรงจากสังคมบังคับให้ต้องมีความโปร่งใสและต้องพิสูจน์ต่อสังคมว่าสร้างความยุติธรรม ระบบลูกขุนที่ประกอบไปด้วยประชาชนธรรมดา ก็เกิดจากแรงกดดันอันนี้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางกรณีที่ศาลตัดสินคดีผิดและหันหลังให้กับความยุติธรรม แต่กรณีแบบนี้น้อยกว่าในไทยมาก

ในสังคมไทยการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรณีการตายของ อับดุลเลาะ อีซอมูซอ ในค่ายทหารเป็นแค่ตัวอย่างล่าสุด และการฟอกความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐก็เกิดขึ้นผ่านสื่อ ผ่านทหารในรัฐสภา และผ่านการใช้ “ภาคประชาชน” จอมปลอม เช่น คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

67535340_2408292259228649_7345892156457877504_n

คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ออกมาพูดว่าทหารไม่ได้ทำร้าย อับดุลเลาะ อีซอมูซอ ไม่ใช่องค์กรภาคประชาชน หรือองค์กรที่อิสระจากอำนาจรัฐและทหารแต่อย่างใด มันเป็นองค์กรที่แต่งตั้งขึ้นมาโดยทหารที่กดขี่ชาวมาเลย์มุสลิมในปาตานี

การสร้างความยุติธรรม แยกออกไม่ได้จากการสร้างสิทธิเสรีภาพกับประชาธิปไตย แยกออกไม่ได้จากการรื้อทิ้งรัฐธรรมนูญทหาร และแยกออกไม่ได้จากความจำเป็นที่จะรื้อถอนศาล ยกเลิกกฏหมายเผด็จการ และรื้อถอนอำนาจทหาร แต่สิ่งเหล่านี้อาศัยแค่รัฐสภาหรือกลุ่มนักวิชาการไม่ได้ ต้องมีการสร้างขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชนเพื่อประชาธิปไตยนอกรัฐสภา

ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ วิจารณ์ระบบศาลและตำรวจไทยตรงจุด

ใจ อึ๊งภากรณ์

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อวิจารณ์ประเทศไทย ของ ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ พี่สาวของ ฮันนาห์ วิเทอร์ริดจ์ ในสื่อสากลนั้น ผู้เขียนค่อนข้างจะเห็นด้วยกับข้อวิจารณ์ดังกล่าวในประเด็นสำคัญๆ

ฮันนาห์ วิเทอร์ริดจ์ และ เดวิด มิลเลอร์ สองนักท่องเที่ยวอังกฤษ ถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายที่เกาะเต่า แต่ตำรวจไทยกลับรีบจับสอง “แพะ” คนงานจากพม่า ซอ ลิน กับ วิน ซอตัน และในเดือนที่ผ่านมาศาลไทยก็ตัดสินลงโทษประหารชีวิตเหยื่อระบบอยุติธรรมของไทยสองคนนี้

ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ ตั้งข้อสังเกตว่าไทยไม่ใช่ “เมืองยิ้ม” อย่างที่มีการโฆษณากันเป็นประจำ และหาดทรายไทยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่ใช่ “สวรรค์” อย่างที่หลายคนเชื่อ พร้อมกันนั้นก็กล่าวหาตำรวจไทยว่าไร้ประสิทธิภาพและเต็มไปด้วยการคอร์รับชั่น เขาอธิบายเพิ่มว่า “คนไทยมักจะเกลียดชาวต่างชาติรวมถึงนักท่องเที่ยวตะวันตก” อีกด้วย และที่แย่สุดคือวาจาของเจ้าหน้าที่รัฐไทยบางคนเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่ง ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ รับไม่ได้ และไม่ควรจะรับได้อีกด้วย

ในหลายประเด็น ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ วิจารณ์สังคมไทยตรงจุด

คนเสื้อแดงและนักเคลื่อนไหวทางสังคมในไทย มีประสบการของความโหดร้ายทารุณของชนชั้นปกครองไทยและมาเฟียท้องถิ่นไทย โดยที่ฆาตกรเหล่านี้ไม่เคยถูกนำมาขึ้นศาลหรือถูกลงโทษแต่อย่างใด สำหรับเรา “ไทยเป็นเมืองน้ำตาตกใน” ไม่ใช่เมืองยิ้มแต่อย่างใด

ในแหล่งท่องเที่ยวติดทะเลของไทยที่สวยงามหลายที่ มีการควบคุมธุรกิจโดยมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพล พวกนี้ทั้งโลภมาก ใช้พฤติกรรมอันธพาล และป่าเถื่อนในการขูดรีดแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน และแน่นอนมาเฟียเหล่านี้ก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับตำรวจและทหาร

พลเมืองไทยจำนวนมาก รวมถึงผู้เขียนเอง ก็มีประสบการณ์ของการคอร์รับชั่นโดยตำรวจ และพฤติกรรมที่เลวทรามต่อประชาชน และเราทุกคนทราบดีว่าศาลไทยลำเอียงและไร้ความยุติธรรมอย่างไร

สองแพะ ซอ ลิน กับ วิน ซอตัน ต้องถูกมองว่าเป็นคนบริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์ว่าเขากระทำความผิด จริง และในสภาพที่หลักฐานของฝ่ายตำรวจและอัยการไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิง และขัดแย้งในตัว อย่างที่หมอพรทิพย์เปิดเผยออกมา เราต้องสรุปว่ายังไม่มีการพิสูจน์ว่าสองคนนี้คือคนร้ายตัวจริง แถมตำรวจใช้การทรมานเพื่อบังคับให้ “สารภาพ” อีกด้วย

การทรมานผู้ต้องขังเป็นวัฒนธรรมเลวทรามของตำรวจและทหารไทยในหลายกรณีที่ผ่านมา

เรื่องการเหยียดเชื้อชาติของคนไทยจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ผู้เขียนวิจารณ์มานาน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อคนจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือคำเหยียดหยามที่คนไทยจำนวนมากใช้เรียกคนที่เขามองว่าไม่ใช่คนไทย ไม่ว่าจะเป็นคำว่า “ไอ้มืด” “แขก” “ฝรั่ง” “ญวน” หรือ “ไอ้หม่อง” บ่อยครั้งเวลาผู้เขียนยกประเด็นนี้มาวิจารณ์ ก็จะมีคนที่เรียนจบสูงจำนวนมากที่ไม่ยอมรับและจงใจไม่เข้าใจ แต่ทุกวันนี้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่อื้อฉาวในการปฏิบัติต่อคนต่างชาติ โดยเฉพาะในเรื่องแรงงานทาส

แน่นอนการเหยียดเชื้อชาติมีในประเทศอื่นทั่วโลก แต่ที่ขาดไปสำหรับสังคมไทยคือขบวนการทางสังคมหรือพรรคการเมืองที่ออกมาคัดค้านเรื่องนี้อย่างชัดเจน

เราคงให้อภัยคุณ ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ ได้ที่เหมารวมว่าคนไทยหรือสังคมไทยเลวอย่างนั้นอย่างนี้ และเราคงให้อภัยเขาได้ที่เขาไม่วิเคราะห์ภาพรวมของสังคมไทยอย่างเป็นระบบ เพราะเขาทั้งโกรธและเศร้าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องสาวเขา และผู้เขียนเองก็เห็นพฤติกรรมแย่ๆ ของคนไทยบางคนที่โพสธ์ภาพเปลือยของศพ ลอรา วิทเธอร์ริดจ์ ในเฟสบุ๊ก โดยไม่มีจิตสำนึกของความเป็นคนแม้แต่นิดเดียว

แต่ในความจริงประเทศไทยเป็นสังคมที่มีสองใบหน้า เพราะเป็นสังคมชนชั้นเหมือนสังคมอื่นๆ ทั่วโลก

คนไทยจำนวนมากเป็นคนน่ารัก มีมารยาท และเมตตาต่อผู้อื่น ไม่ต่างจากคนอังกฤษ คนฝรั่งเศส คนซิเรีย หรือคนอิรัก ฯลฯ และตำรวจไทยทุกคนก็ไม่ได้เลวทราม

แต่เราทราบดีว่าเราอยู่ในสังคมที่ปกครองโดยคนป่าเถื่อน และบ้าอำนาจ ที่พร้อมจะโหดร้ายทารุณต่อประชาชนทั้งประเทศมาตั้งแต่กำเนิดของรัฐไทย แถมตอนนี้เรามีเผด็จการทหารมาซ้ำเติมอีกด้วย พวกชนชั้นปกครองไทยใช้ลัทธิคลั่งชาติและกษัตริย์ เพื่อกล่อมเกลาให้พลเมืองส่วนใหญ่จงรักภักดีต่อเขา นี่คือสาเหตุที่ประชาชนจำนวนมากหลงใช้ความคิดเหยียดเชื้อชาติ นี่คือสาเหตุที่ผู้มีอำนาจในทุกระดับไม่เคยเคารพประชาชนและใช้พฤติกรรม วาจา และการกระทำแบบแย่ๆ ต่อพลเมืองธรรมดาอย่างต่อเนื่อง ลองนึกภาพประสบการณ์ของประชาชนที่ต้องเข้าไปสัมผัสหน่วยงานของรัฐแล้วจะเข้าใจทันที

สภาพเช่นนี้จะดำรงต่อไปตราบใดที่เราไม่ล้มเผด็จการและสร้างสังคมที่มีความอารยะตามแนวสังคมนิยม

เราไม่สามารถทำให้สองชีวิต ฮันนาห์ วิเทอร์ริดจ์ และ เดวิด มิลเลอร์ ฟื้นตัวกลับมาได้ แต่สิ่งที่เราทำได้เป็นรูปธรรมตอนนี้ คือการรณรงค์เพื่อปกป้องชีวิตของ ซอ ลิน กับ วิน ซอตัน