Tag Archives: ชูสามนิ้ว

สายฟ้าแลบกลางคืนอันมืดมัว

ใจ อึ๊งภากรณ์

การชูมือสามนิ้วโดยมวลชนในงานศพ อภิวันท์ วิริยะชัย ซึ่งเปรียบเสมือนสายฟ้าแลบกลางคืนอันมืดมัว คงสร้างความไม่สบายใจให้กับไอ้ประยุทธ์มือเปื้อนเลือดไม่น้อย และในขณะเดียวกันคงสร้างความไม่สบายใจให้กับยิ่งลักษณ์และทักษิณด้วย

ในช่วงแรกๆ ที่เราเห็นมวลชนผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมากไปรับศพ อภิวันท์ วิริยะชัย ที่สนามบิน มันจะเป็นปรากฏการณ์ของประชาชนที่อยากแสดงความเคารพต่ออดีตผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ในขณะที่เผด็จการป่าเถื่อนครองอำนาจในสังคม ยิ่งกว่านั้นอดีตผู้นำคนนี้ยังโดนกฏหมาย 112 อีกด้วย ซึ่งเป็นเครื่องมือของพวกที่ต้องการทำลายประชาธิปไตยมาตลอด

ในด้านหนึ่งการแห่กันไปรับศพ และการแห่กันไปเผาศพ รวมถึงการตะโกนว่า “ยิ่งลักษณ์สู้ๆ” อาจดูเหมือนว่ายังอยู่ในกรอบการสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนั้นคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งการสนับสนุนคนที่โดน 112 เป็นสัญญลักษณ์ของมวลชนที่ก้าวหน้ากว่าเพื่อไทยและ นปช. ที่ไม่เคยอยากพูดถึงหรือแตะกฏหมายเผด็จการอันนี้

แต่พอเราเห็นมวลชนจำนวนมากที่ได้โอกาสพิเศษของงานศพ แล้วใช้โอกาสนี้ในการประท้วงชูสามนิ้ว เพื่อแสดงความโกรธแค้นไม่พอใจกับเผด็จการ เราเห็นชัดว่ามวลชนพร้อมจะไปไกลกว่าพรรคเพื่อไทยและ นปช. ที่คอยบอกให้ฝ่ายเรา “เงียบและรอ” เสมอ สิ่งที่ชัดเจนคือการประท้วงไม่ได้ถูกนำโดยพรรคเพื่อไทยหรือแกนนำนปช. มันระเบิดขึ้นจากความไม่พอใจของประชาชนที่ไม่ได้หายไปเลย ทั้งๆ ที่ประยุทธ์อาจเดินโอ้อวดเหมือนนักเลงท่ามกลางการปลอบใจตนเองว่าสามารถ “ควบคุมสถานการณ์” ได้ และ “คืนความสุข” ให้กับสังคม

การชูมือสามนิ้วครั้งนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีโอกาส มีกระแสความรู้สึก และมวลชนมีกำลังใจเพราะมาอยู่ด้วยกันจำนวนมาก จึงหายกลัว มันเป็นสายฟ้าแลบกลางดึกอันมืดมัว มันไม่ได้แสดงว่าหลังจากนี้จะมีคนออกมาต้านเผด็จการทุกวันกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมอ แต่มันแสดงให้เห็นว่ามวลชนจำนวนมากพร้อมจะสู้ถ้ามีการจัดตั้งและการนำ มันแสดงว่าประยุทธ์และพรรคพวกไม่สามารถทำลายความฝันของประชาชนที่จะล้มเผด็จการและสร้างสิทธิเสรีภาพกับประชาธิปไตย

เราต้องสู้กับเผด็จการทหาร คสช. ผ่านเรื่องปากท้อง

ในเมื่อกระแสการออกมาคัดค้านรัฐประหาร และคณะเผด็จการ คสช. ลดลง ผ่านการข่มขู่และปราบปรามนักเคลื่อนไหวจำนวนมาก ขั้นตอนการต่อสู้รอบปัจจุบันต้องขยับไปเป็นเรื่องการรณรงค์คัดค้านนโยบายเลวๆ ของ คสช. เพื่อสร้างกระแสความไม่พอใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับนักประชาธิปไตย

ในหนังสือ “การนัดหยุดงานทั่วไปของมวลชน” โรซา ลัคแซมเบอร์ นักมาร์คซิสต์เยอรมัน-โปแลนด์ เขียนถึงการเชื่อมโยงระหว่างประเด็นปากท้องและการเมืองภาพใหญ่ เขาเสนอว่าทั้งสองเรื่องนี้สลับไปสลับมาและหนุนการสร้างกระแสซึ่งกันและกันเสมอ ที่สำคัญคือหน้าที่หลักของนักเคลื่อนไหวที่มีการจัดตั้งเป็นพรรคหรือองค์กร คือการปลุกระดมเรื่องปากท้อง และการเชื่อมทุกประเด็นให้เข้ากับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสังคมนิยม

ในไทยตอนนี้ คนก้าวหน้าควรจัดตั้งกันเป็นองค์กร และเคลื่อนไหวต่อต้านนโยบายแย่ๆ ของ คสช. และแนวร่วมของมันที่ต้านประชาธิปไตย ซึ่งแต่ละนโยบายให้ประโยชน์กับชนชั้นปกครองและคนรวยอย่างเห็นชัดๆ การเคลื่อนไหวแบบนี้จะทำให้เราทุกคนเห็นภาพชัดเจนว่า “ประชาธิปไตยเป็นเรื่องปากท้อง” มันเป็นการต่อสู้เพื่อ “ประชาธิปไตยที่กินได้”

ในรูปธรรม มันหมายความว่าชาวประชาธิปไตยต้องคัดค้านนโยบายที่พึ่งออกมา เช่น

1. ข้อเสนอให้ประชาชนต้อง “ร่วมจ่าย” ถึง 50% ของค่ารักษาพยาบาล และการที่คณะทหารกำลังเตรียมตัวทำลายนโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค”

2. ข้อเสนอให้งดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนทำงาน ซึ่งจะทำลายความหวังว่าคนจนจะมีรายได้เพียงพอ

3. ข้อเสนอให้ กกต. สามารถตัดทิ้งเซ็นเซอร์นโยบายของพรรคการเมืองในอนาคต ถ้ามีการเลือกตั้งอีกรอบ โดยเฉพาะนโยบายที่เป็นประโยชน์กับคนจน

4. ข้อเสนอถอยหลังลงคลองให้งดการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ผ่านการงดการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น

5. นโยบายที่จะนำ “ความคิดประยุทธ์” มาบรรจุในหลักสูตรการศึกษาตามโรงเรียนต่างๆ

นอกจากนี้เราต้องจับตาดูว่าคณะทหารเถื่อนจะเสนอ “การปฏิรูปแบบปฏิกูล” อะไรบ้าง ซึ่งจะนำไปสู่การลดพื้นที่ประชาธิปไตยในทุกแง่อย่างแน่นอน