ใจ อึ๊งภากรณ์
ทหารไทยได้ใช้ความรุนแรงทรมานนักเคลื่อนไหว อับดุลเลาะ อีซอมูซอ อายุ 32 ปี ในค่ายอิงคยุทธ การทรมานและใช้ความรุนแรงกับผู้ถูกคุมขังแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายตราบใดที่รัฐบาลเผด็จการรัฐสภาของประยุทธ์ยังครองอำนาจอยู่ หลังเหตุการณ์ประยุทธ์แก้ตัวแทนทหารในค่ายอิงคยุทธ โดยการโกหกว่า อับดุลเลาะ อีซอมูซอ “หน้ามืด” แล้วล้มในห้องน้ำ ประยุทธ์มือเปื้อนเลือดคนนี้ยังพูดต่อว่าคนที่ตั้งคำถามกับพฤติกรรมของทหารคง “ดูหนังมากเกินไป” แถมหัวหน้าโจรปล้นประชาธิปไตยคนนี้ยังพูดอีกว่า บางคนเน้นสิทธิมนุษยชนมากเกินไป

ทหารในค่าย อิงคยุทธ ไม่คิดจะแจ้งภรรยาของ อับดุลเลาะ อีซอมูซอ หลังจากที่เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล เขาต้องทราบเมื่อไปพยายามเยี่ยมสามีที่ค่ายทหาร หลังจากนั้นญาติและเพื่อนๆ ของ อับดุลเลาะ อีซอมูซอ ที่ไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลก็ถูกรังแกโดยทหารที่คอยถ่ายภาพและรบกวนอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมแบบนี้แสดงให้เห็นว่าทหารของรัฐไทย ไม่มีความเคารพต่อประชาชนมาเลย์มุสลิมในปาตานีแต่อย่างใด
หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า อับดุลเลาะ อีซอมูซอ อาจถูกทรมานโดยทหารนำถุงครอบหัวจนหายใจไม่ออก จากการตรวจร่างกายไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้าย เอกซเรย์ไม่พบว่ามีน้ำอยู่ในปอด แต่พบว่าผู้ป่วยสมองบวม สาเหตุจากการขาดอากาศเป็นเวลานาน สมองใกล้ตาย ถ้าฟื้นได้ก็คงพิการอย่างหนัก
พฤติกรรมของรัฐไทยในการกดขี่ปราบปรามประชาชนมาเลย์มุสลิมในปาตานี สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่ง และเป็นสาเหตุที่ประชาชนบางส่วนตัดสินใจที่จะจับอาวุธสู้กับรัฐไทยมาอย่างต่อเนื่อง [ดู https://bit.ly/2b5aCYI ]
สื่อกระแสหลักมักสนับสนุนการกดขี่ปราบปรามของรัฐไทย และเรียกนักสู้เพื่ออิสรภาพว่าเป็น “คนร้าย” หรือ “โจใต้” แต่คนร้ายและโจรตัวจริงกำลังคุมรัฐบาลไทยอยู่ทุกวันนี้
ทั้งๆ ที่เราไม่ควรเลือกข้างรัฐไทยโดยการประณามนักต่อสู้ชาวปาตานี แต่จุดยืนของนักสังคมนิยมคือ ถ้าจะมีสันติภาพและเสรีภาพในปาตานี ขบวนการมวลชนจะต้องมีบทบาทหลัก ทั้งในปาตานี และในกรุงเทพฯ การจับอาวุธคงไม่มีวันชนะรัฐไทย แต่ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่เรียกร้องให้รัฐไทยถอนกำลังทหารตำรวจออกไป และที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย สามารถแก้ปัญหาได้
พวกเราคงไม่แปลกใจเลยที่มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของตำรวจได้เข้าไปในพื้นที่ค่ายอิงคยุทธ เพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่และรวบรวมหลักฐาน โดยได้ขอดูเทปบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในศูนย์ซักถาม ที่มีอยู่โดยรอบ แต่ปรากฏว่า ทางเจ้าหน้าที่ค่ายอิงคยุทธ ระบุว่ากล้องวงจรปิดเสียทุกตัว!!
ในกรณีอื่นๆ ที่ตำรวจและทหารวิสามัญฆาตกรรมชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ปาตานี หรือกรณีชาวชนเผ่าทางเหนือของไทย กล้องวงจรปิดมัก “เสีย” เสมอ
ล่าสุด ตำรวจเชียงใหม่ได้วิสามัญฆาตกรรม ‘จะจือ จะอ่อ’ ชาวชนเผ่ามูเซอ ที่ อ.เวียงแหง มีผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ตอนแรกพบว่าผู้ตายไม่ได้มีอาวุธปืนวางอยู่ แต่ถูกกันไม่ให้เข้าไป ภายหลังจากที่ผู้เห็นเหตุการณ์กลับไปเรียกญาติผู้ตายมาในพื้นที่ ก็ปรากฏว่าร่างของผู้ตายถูกเคลื่อนไปยังอีกจุดหนึ่ง และมีอาวุธปืนวางอยู่ข้างๆ และหลังจากที่แม่ของผู้เสียชีวิตมาเห็นเหตุการณ์ก็วิ่งเข้าไปหาร่างของลูกชาย แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผลักและใช้เท้าถีบจนล้มลง ทำให้กลุ่มชาวบ้านที่เป็นผู้หญิงที่มาดูเหตุการณ์ทนดูไม่ได้ จึงได้เข้าช่วยจนเกิดเหตุการณ์ชลมุนขึ้นมา
ชาวบ้านมั่นใจว่า จะจือ จะอ่อ ไม่ใช่ผู้ค้ายาเสพติดอย่างที่ตำรวจอ้าง
เราจะเห็นว่านี่คืออีกกรณีหนึ่งของการที่เจ้าหน้าที่รัฐไทยไม่แสดงความเคารพต่อประชาชนชนกลุ่มน้อย
ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยควรตระหนักว่าแนวคิดเหยียดเชื้อชาติและแนวคิดชาตินิยม ซึ่งเป็นแนวคิดกระแสหลักในสังคมเรา ทำให้การตรวจสอบพฤติกรรมของทหารและตำรวจรัฐไทย ทำได้ยากขึ้น เพราะไม่ค่อยมีใครสนใจ [ดู https://bit.ly/2YeOCT2 ] และตราบใดที่เรายังมีเผด็จการทหารที่ครองอำนาจผ่านการทำรัฐประหารและการโกงการเลือกตั้ง ความยุติธรรมและสันติภาพไม่มีวันเกิด