Tag Archives: พรรคไทยรักษาชาติ

เงื่อนไขสำคัญในการออกมาประท้วงการโกงการเลือกตั้ง

ใจ อึ๊งภากรณ์

นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยควรเตรียมตัวรับมือกับการโกงการเลือกตั้งโดยเผด็จการทหารของประยุทธ์ ขั้นตอนแรกคือการคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง ว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะมียุทธศาสตร์อะไรที่เหมาะสม เพราะเราไม่สามารถงอมืองอเท้าน้อมรับการโกงการเลือกตั้งโดยทหาร

แน่นอนพวกเราทราบดีว่า #เผด็จการทหาร มีแผนสืบทอดอำนาจไปอีก 20ปี ด้วยการแต่งตั้งสว. แต่งตั้งศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งกกต. และการใช้แผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ20ปีเพื่อมัดมือรัฐบาลที่มาจากการเลอกตั้ง ประเด็นนี้เราทราบมานานแล้ว แต่เราจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่จะทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจจนพร้อมที่จะออกมาเคลื่อนไหว

ประเด็นสำคัญคือการโกงการเลือกตั้งหลังจากที่ประชาชนลงคะแนนเสียงเรียบร้อยไปแล้ว

ในประการแรกหลังวันเลือกตั้งเราจะต้องนับคะแนนเสียงทั้งหมดที่ประชาชนแต่ละคนทั่วประเทศลงให้พรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ สามัญชน เพื่อชาติ และประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคหลักที่มีนโยบายต้านทหารที่ชัดเจน

หลังจากนั้นเราจะต้องนำคะแนนเสียงทั้งหมดที่ประชาชนลงให้พรรคต้านทหาร มาเปรียบเทียบกับคะแนนเสียงที่ประชาชนลงให้พรรคทหารและพรรคของสุเทพ

การนับคะแนนเสียงไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับการนับจำนวนสส.

เราควรจะมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนการลงประชามติว่าประชาชนต้องการประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ในขั้นตอนนี้จำนวน สส. ไม่สำคัญ เพราะเราทราบว่ามีการใช้สูตรแปลกๆ และการแต่งตั้ง สว. เพื่อให้ประยุทธ์กับพรรคพวกได้เปรียบ

ถ้าจำนวนคะแนนเสียงทั่วประเทศที่ต้านประยุทธ์มากกว่าคะแนนเสียงที่สนับสนุนประยุทธ์ เราต้องชัดเจนว่าประยุทธ์ไม่มีความชอบธรรมแต่อย่างใดที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าที่นั่งในสภาจะเป็นอย่างไร

ถ้าประยุทธ์หน้าด้านผลักตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์แบบนั้น การออกมาประท้วงต้านประยุทธ์จะมีความชอบธรรมสูง และถ้าพรรคการเมืองหรือนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยสนับสนุนการประท้วงก็จะยิ่งดี แต่นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องรอนักการเมือง เพราะบ่อยครั้งนักการเมืองลังเลใจไม่กล้านำ

571d8aa2c038bd71e98317cb1cad16cdb98096fad3d964da3c320acffed5b9f0

ถ้ามีการประท้วงเราต้องชัดเจนว่ามันไม่ใช่การประท้วงแสดงความไม่พอใจกับผลการเลือกตั้ง แต่เป็นการประท้วงเพราะเผด็จการทหารและพรรคทหารไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน

อีกกรณีที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการออกมาประท้วงคือกรณีที่พรรคอนาคตใหม่หรือพรรคสามัญชนหรือพรรคเพื่อไทยถูกยุบ หรือกรณีที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือแกนนำพรรคต้านทหารคนอื่น ถูกลงโทษหรือจำคุก เพราะมันจะเป็นมาตรการที่ขัดกับการเลือกตั้งเสรีในระบบประชาธิปไตย เรายอมไม่ได้

ใครคิดที่จะเล่นพรรคเล่นพวกเพราะชอบหรือไม่ชอบ ธนาธร หรือพรรคอนาคตใหม่ หรือใครก็ตามจากฝ่ายประชาธิปไตยที่โดนลงโทษทางการเมือง จะเป็นคนปัญญาอ่อนทางการเมืองโดยสิ้นเชิง เราต้องข้ามพ้นอคติแบบนั้น

การประท้วงการโกงการเลือกตั้งอย่างที่พูดถึงนี้ มีความสำคัญในการเดินหน้าลดผลพวงของเผด็จการ ซึ่งเป็นงานที่คงใช้เวลา เราจึงยอมจำนนตั้งแต่ก้าวแรกไม่ได้ การประท้วงในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่ “เข้าทางเผด็จการ” หรือสร้างเงื่อนไขให้เผด็จการอยู่ต่อยาว ตรงกันข้ามการนิ่งเฉยเป็นสูตรที่ทำให้เผด็จการอยู่ต่ออย่างสบาย และที่สำคัญคือวิธีการกับรูปแบบการประท้วงต้องถูกกำหนดจากนักเคลื่อนไหวในไทย ควรเรียนบทเรียนจากอดีต และควรพิจารณาการนัดหยุดงานอีกด้วย ควรเน้นมวลชนไม่ใช่ทำในรูปแบบกลุ่มเล็กๆในเชิงสัญญลักษณ์

นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยทุกคน คงหวังว่าพรรคต้านทหารจะได้เสียงในรัฐสภาพอที่จะตั้งรัฐบาลพลเรือนได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแต่มีการกีดกันไม่ให้ตั้งรัฐบาล นั้นก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่จะออกมาประท้วงด้วยความชอบธรรม

ประชาธิปไตยไม่เคยสร้างได้จากการเคารพกฏหมายเผด็จการหรือการอาศัยสส.ในรัฐสภาอย่างเดียว

ถ้าเราไม่คุยและเตรียมตัวล่วงหน้าเรื่องนี้ พลเมืองไทยจะเป็นแค่เหยื่อของเผด็จการที่ไร้พลัง ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเถิด

บทส่งท้ายเรื่องเสนอชื่ออุบลรัตน์

ใจ อึ๊งภากรณ์

[บทความนี้ควรอ่านควบคู่กับเรื่อง “ขยะการเมือง” https://bit.ly/2MTBtdV ]

หลังจากที่วชิราลงกรณ์ออกมาห้ามไม่ให้พี่สาวลงเล่นการเมือง เราเห็นปรากฏการณ์ทางการเมืองหลายอย่างที่ท้าทายจุดยืนต่างๆ

ที่ชัดเจนคือในการวิเคราะห์ส่วนใหญ่ นักวิเคราะห์เน้นแต่ดูเรื่องราวของคนข้างบนเหมือนคนติดละครน้ำเน่า แต่ไม่ค่อยมีใครตั้งคำถามที่สำคัญที่สุดคือ เราจะกำจัดผลพวงของเผด็จการและสร้างประชาธิปไตยแท้จริงอย่างไร?

คนที่มักเดินไปเดินมาโดยเงยหน้ามองแต่ข้างบน บ่อยครั้งมักจะเหยียบขี้หมา

มีบางคนที่อยู่ต่างประเทศออกมาแดสงความเห็นว่า การเสนอชื่ออุบลรัตน์ ถ้าประสพความสำเร็จจะทำให้ “ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” เข้มแข็งมากขึ้น พวกนี้ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ถูกพิสูจน์ว่าผิด เพราะอุบลรัตน์กับวชิราลงกรณ์มีความคิดต่างกัน

หลายคนที่สนุกกับหมกมุ่นเรื่องราวของชนชั้นสูง และพูดอยู่เรื่อยๆ ว่าวิชราลงกรณ์กำลังสร้าง“ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่” จะพันตัวเองในความขัดแย้งของทฤษฏีตนเอง เพราะพยายามอธิบายทุกอย่างจากมุมมองนี้

คำถามอันหนึ่งคือทำไมวชิราลงกรณ์ถึงออกมาห้ามพี่สาว? บางคนพยายามเสนอว่าอุบลรัตน์คงต้องขอน้องชายก่อน จริงหรือ? บางคนถามว่ากษัตริย์เปลี่ยนใจเพราะอะไร? แต่คำอธิบายง่ายๆ ที่น่าจะเป็นจริงคือ มีคนของประยุทธ์คลานเข้าไป “สั่ง” ให้วชิราลงกรณ์ออกมาห้ามอุบลรัตน์

ทำไมคำอธิบายนี้น่าเชื่อที่สุด? วชิราลงกรณ์ต้องพึ่งทหารเพื่อที่จะเป็นกษัตริย์ ถ้าไม่มีทหารวชิราลงกรณ์จะอ่อนแอถึงที่สุด บวกกับการที่ประชาชนไม่ปลื้มมากนัก ดังนั้นถ้าเขาจะเสพสุขต่อไปท่ามกลางความร่ำรวย เขาต้องทำตามความต้องการของทหาร ภูมิพลก็ไม่ต่างออกไป ได้ความมั่นคงของตำแหน่งเพราะทหาร และทหารก็พร้อมจะใช้เสมอ

ลองคิดดู ประยุทธ์ไม่พอใจมากกับการที่อุบลรัตน์ถูกเสนอชื่อโดยพรรคไทยรักษาชาติ เพราะมันไปท้าทายการผูกขาดอำนาจของเผด็จการทหาร และถ้าให้เลือกโดยไม่ถูกกดดัน ประยุทธ์กับพวกคงไม่ต้องการแชร์อำนาจกับทักษิณ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการเสนอชื่ออุบลรัตน์แต่แรก ทหารจึงมีเหตุผลสูงในการสั่งวชิราลงกรณ์ให้ออกมาห้าม

แต่สำหรับวชิราลงกรณ์ นอกจากการแข่งอีโก้กับพี่สาวว่าใครจะเป็น “นัมเบอร์วัน” แล้ว วชิราลงกรณ์ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวจากทักษิณแต่อย่างใด เพราะทักษิณไม่ใช่พวกล้มเจ้า และมีข่าวว่าเคยจ่ายหนี้การพนันให้วชิราลงกรณ์อีกด้วย ดังนั้นถ้าไม่มีทหารออกมาบอกให้ห้ามพี่สาวก็คงไม่สนใจที่จะออกมา

นอกจากพวกหมกมุ่นในเรื่องข้างบน มีนักวิจารณ์ต่างประเทศบางคนที่หัวเราะดูถูกคนไทยว่าโง่ และทำเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกของประเทศที่ไม่เจริญ แต่พวกเหยียดเชื้อชาติเหล่านี้ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมและการเมืองไทยเลย เราด่ามันได้แต่ไม่ควรไปสนใจ

มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่มองว่าพรรคไทยรักษาชาติเล่นเกมเก่งมาก บางคนเสนอคำขวัญ “เดินหมากเดียว กินทั้งกระดาน” แต่แล้ว ภายในไม่กี่ชั่วโมงฝ่ายทหารก็ตีกลับมาด้วยการรุกฆาต บทเรียนคือในการเมืองคนที่หาทางลัดมักจบไม่ดี อย่าลืมว่าไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งแรกด้วยการทำงานหนักเพื่อครองใจประชาชน ไม่ใช่ด้วยการหาทางลัด

และถ้าจะดูภาพกว้างเราอาจคิดได้ว่าการเสนออุบลรัตน์เป็นความผิดพลาดพอๆ กับการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง

อีกบทเรียนหนึ่งคือ “อย่าไปหวังอะไรจากชนชั้นบน” เช่นคนเสื้อแดงไม่ควรตั้งความหวังอะไรเลยกับวชิราลงกรณ์อย่างที่เคยทำ และตอนนี้ควรทบทวนการตั้งความหวังกับทักษิณอีกด้วย และไม่ควรไปหวังอะไรจากอุบลรัตน์ เพราะนั้นเป็นความคิดแบบ “ไทยเป็นทาส” มัวแต่ขอความเมตตาจากคนข้างบน

ขอเน้นว่าถ้าวิธีการของไทยรักษาชาติประสพความสำเร็จ มันจะเป็นแค่การแชร์อำนาจระหว่างทักษิณกับทหาร มันไม่ลบผลพวงของเผด็จการแต่อย่างใด

ดังนั้นเราต้องกลับมาที่ประเด็นหลักคือ เราจะกำจัดผลพวงของเผด็จการและสร้างประชาธิปไตยแท้จริงอย่างไร? ซึ่งเป็นคำถามที่ใครๆ ควรถามแต่แรก และเป็นคำถามสำคัญเพราะเราทราบดีว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะถูกจำกัดเพื่อให้อิทธิพลเผด็จการอยู่ต่อไปอีกนาน และพลเมืองธรรมดาที่อยากเลือกพรรคของทักษิณก็ต้องการประชาธิปไตยแท้

51786591_394346794633035_8835436868259545088_n

มันมีคำตอบเดียวครับ การลบผลพวงของเผด็จการ การกำจัดอิทธิพลของทหารในการเมือง และการสร้างประชาธิปไตยแท้ ต้องทำโดยการสร้างขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยที่มีมวลชนมหาศาล ซึ่งพร้อมจะประสานการเคลื่อนไหวร่วมกับพรรคการเมืองที่อยากเห็นประชาธิปไตย จากประวัติศาสตร์ไทยเราทราบว่าขบวนการแบบนี้สร้างได้ และจะประสพความสำเร็จถ้าอิสระจากการนำของคนชั้นสูง

แต่ถ้าใครปฏิเสธโลกจริงอันนี้ และมองว่าพลเมืองไทยไม่มีปัญญาจะกำหนดอนาคตตนเองได้ มันก็ย่อมจบลงด้วยการเสนอชื่อเจ้าเพื่อแข่งกับทหาร หรือการใส่เสื้อเหลืองเพื่อโบกมือต้อนรับรัฐประหาร

 

ขยะการเมือง

ใจ อึ๊งภากรณ์

การเสนอชื่ออุบลรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ เป็นจุดต่ำสุดของพรรคการเมืองสายทักษิณ เป็นจุดต่ำสุดของนักการเมือง นปช. เป็นจุดต่ำสุดของนักการเมืองที่น่าจะรู้ดีกว่านี้เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง แต่ที่แย่ที่สุดคือมันเป็นจุดตดต่ำสุดของระบบการเลือกตั้งไทย และเป็นผลพวงของการแทรกแซงการเมืองผ่านรัฐประหารของทหาร

ทูลกระหม่อมหญิง

คนมีปัญญาไม่จำเป็นต้องถามตัวเองว่านางอุบลรัตน์มีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรอก แต่สำหรับคนที่ตื่นเต้นกับการโหนเจ้าผมขอถามว่า…. เขาเคยสัมผัสวิถีชีวิตของพลเมืองไทยธรรมดาที่ยากจนไหม? เขามีความคิดทางการเมืองก้าวหน้าไหม? ในช่วงชีวิตของเขา เขาสนับสนุนประชาธิปไตยบ้างไหม? เคยสนับสนุนความยุติธรรมไหม? เขาคัดค้านระบบสืบทอดตำแหน่งผ่านสายเลือดไหม? เคยเปิดศึกกับความเหลื่อมล้ำในสังคมไหม? คำตอบคือไม่เคย เขามีประสบการณ์แค่ในการโปรโหมดตนเองในรายการโทรทัศน์ แค่นี้ และเขาไม่มีวันเป็นสามัญชนตราบใดที่ยังมีการใช้ราชาศัพท์และตำแหน่งต่างๆ ในสื่อกระแสหลักอีกด้วย

สำหรับนักการเมืองพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งต้องเริ่มที่ทักษิณและรวมนักการเมืองพรรคอื่นๆ ของเครือข่ายนี้ เพราะอย่ามาพูดเลยว่าไม่ได้คุยกัน การเสนอชื่ออุบลรัตน์เป็นการถุยน้ำลายใส่ประชาชนไทยที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยมานาน รวมถึงการสละชีพด้วย มันถุยน้ำลายใส่ประวัติศาสตร์ ๒๔๗๕, ๑๔ตุลา, ๖ตุลา, พฤษภา๓๕, และการต่อสู้ของเสื้อแดง มันเป็นการถุยน้ำลายใส่อุดมการณ์ประชาธิปไตยอีกด้วย เพราะอะไร?

24879_385730269924_537184924_3652887_7350322_n

แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลังการเสนอชื่ออุบลรัตน์ คือแนวความคิดว่าพลเมืองไทยธรรมดาไม่มีปัญญาที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มันตัดบทบาทของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมไป มันตัดบทบาทของพลเมืองธรรมดาในการมีส่วนร่วม และมันจบลงด้วยการเสนอว่ามีสิ่งเดียวที่จะต้านเผด็จการประยุทธ์ได้นั้นคือคนที่มีเชื้อสายเจ้า มันเป็นการสะท้อนแนวความคิดล้าหลังของพวกพันธ์มิตรเสื้อเหลืองในยุคทักษิณ ที่เชื่อว่าต้องโหนเจ้าถึงจะล้มคนอย่างทักษิณได้ เพราะคนธรรมดาทำอะไรเองไม่ได้

อย่าลืมว่าแนวคิดแบบนี้มีที่มาที่ไป เพราะตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทักษิณกับพรรคพวกจงใจแช่แข็งขบวนการเสื้อแดง ซึ่งเป็นขบวนการประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย คือแช่แข็งจนหมดพลังไปเลย แต่สิ่งนี้ทำไม่ได้ถ้าแกนนำ นปช. ไม่ประกอบไปด้วยคนปัญญาอ่อนที่เห็นด้วยกับทักษิณและไม่ยอมนำการต่อสู้ในช่วงหลัง สิ่งที่น่าผิดหวังคือคนก้าวหน้าในขบวนการเสื้อแดงไม่ยอมหรือไม่สามารถที่จะสร้างแกนนำที่อิสระจากพวกนี้ได้

ในประวัติศาสตร์ไทยและที่อื่นทั่วโลก การพยายามสร้างภาพ “ความฉลาดในการต่อสู้” โดยการหันหลังให้มวลชน ไม่เคยจบดีเลย คิดหรือว่าการอวยคนเชื้อเจ้าแบบนี้จะนำไปสู่การเพิ่มสิทธิเสรีภาพ หรือการลดความเหลื่อมล้ำ หรือการลดบทบาทของทหารในการเมืองไทย? ไม่เลย! ตรงข้าม เพราะการนำแนวความคิดของฝ่ายเผด็จการปฏิกิริยามาใช้เอง เท่ากับการยอมจำนนต่ออุดมการณ์เผด็จการและยุทธศาสตร์สืบทอดเผด็จการ20ปี และที่น่ากังวลอีกคือมันจะนำไปสู่การจับมือระหว่างทักษิณกับเผด็จการทหารในรัฐบาลแห่งชาติ(หมา)อีกด้วย

แต่ในที่สุดเราก็ทราบว่าวชิราลงกรณ์ได้ออกมาพูดว่าพี่สาวไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ ไม่ว่าจะเคยลาออกหรือพยายามเป็นสามัญชนหรือไม่ ท่าทีของวชิราลงกรณ์ทำให้คนจำนวนมากหงายท้องสับสน เพราะเสื้อแดงหลายคนเคยมองว่าอยู่ข้างทักษิณ ส่วนคนที่เคยพูดเรื่องอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของวชิราลงกรณ์ที่จะถูกเสริมจากการเสนอชื่ออุบลรัตน์ก็ต้องรีบแก้ทฤษฏีกันใหญ่ นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกว่าวชิราลงกรณ์ถูกสั่งให้ออกมาโดยทีมประยุทธ์หรือไม่

พลเมืองไทยที่ไม่ยอมและไม่เห็นด้วยกับการเมืองขยะแบบนี้มีมากมาย เราต้องปฏิเสธพรรคการเมืองของฝ่ายทหารและฝ่ายทักษิณ และต้องให้ความสำคัญกับการจัดตั้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยและความเท่าเทียมในการต่อสู้ต่อไป

Dxcc29yW0AQEpBn