Tag Archives: ฟิเดล คัสโตร

เช กูวารา นักสู้เพื่อสังคมนิยม หรือ “วีรชนเอกชน”เพ้อฝัน ?

ใจ อึ๊งภากรณ์

คนส่วนใหญ่จากรุ่น ๑๔ ตุลา หรือคนที่คลุกคลีกับฝ่ายซ้าย คงรู้จักชื่อและใบหน้าของ เช กูวารา สหายนักสู้ของ คัสโตร ในประเทศคิวบา และคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ เช ก็อาจเคยเห็นใบหน้าของเขาบนโปสเตอร์ที่ขายตามตลาดและบนเสื้อยืดหรือแม้แต่บนหลังรถบรรทุกในเมืองไทย

che_guevara_1474x774

เช กูวารา เกิดที่ประเทศอาเจนตีนาในทวีปอเมริกาใต้เมื่อปี 1928 และเริ่มสนใจการเมืองในขณะที่เขาไปเที่ยวประเทศกวาตามาลา เพราะในช่วงนั้นสหรัฐเข้ามาแทรกแซงการเมืองกวาตามาลาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทผลไม้สหรัฐ โดยที่สหรัฐสนับสนุนการยึดอำนาจของทหารที่ล้มรัฐบาลชาตินิยมซึ่งกำลังพยายามนำธุรกิจกล้วยหอมส่งออก ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของประเทศ มาเป็นของรัฐ แทนที่จะเป็นของบริษัทต่างชาติ

เช กูวารา มองตัวเองว่าเป็นนักเคลื่อนไหว “มาร์คซิสต์” และมีนักต่อสู้คนรุ่นหลังหลายกลุ่มที่ถือเอา เช เป็นวีรบุรุษ

เราสามารถเรียนบทเรียนอะไรบ้างจากแนวทางการต่อสู้ของเช?

castro-che-afp-wb

เช ได้เข้าร่วมในปฏิวัติยึดอำนาจในประเทศคิวบาภายใต้การนำของ คัสโตร ในปี 1959 โดยที่เขาอาศัยยุทธศาสตร์การสู้รบแบบกองโจร รัฐบาลเก่าของคิวบาที่ถูกล้มเป็นรัฐบาลน้ำเน่าที่ไม่มีใครสนับสนุนเนื่องจากมีการโกงกินสุดยอดของนักการเมือง อย่างไรก็ตามในยุคก่อนการปฏิวัติคิวบา พรรคคอมมิวนิสต์คิวบา ได้สนับสนุนรัฐบาลน้ำเน่านี้ โดยหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ฉนั้นในสมัยนั้น เช และ คัสโตร ไม่ได้สนใจพรรคคอมมิวนิสต์คิวบาหรือชนชั้นกรรมาชีพในเมืองมากเท่าไร แต่เลือกใช้วิธีการยึดอำนาจของกองกำลังที่มาจากนักศึกษาและชาวนาที่ไม่มีที่ดินซึ่งตั้งขึ้นในเขตภูเขาห่างไกลจากเมือง แนวทางการต่อสู้แบบนี้ไม่ใช่แนวมาร์คซิสต์ เพราะไม่ได้อาศัยพลังชนชั้นกรรมาชีพเลย

ยุทธศาสตร์แบบกองโจรที่ เช และ คัสโตร นำมาใช้มีผลกระทบกับแนวความคิดของเขา เพราะเขามักจะมองกลไกของการสู้รบว่าสำคัญกว่าความคิดทางการเมือง อย่างไรก็ตามจุดมุ่งหมายหลักของการปฎิวัติคิวบาคือการปลดปล่อยคิวบาจากอิทธิพลของจักรวรรดินิยมอเมริกา ทั้งนี้เนื่องจากเศรษฐกิจคิวบาต้องพึ่งการปลูกอ้อยและผลิตน้ำตาลเป็นหลัก และสหรัฐอเมริกาสามารถควบคุมการผลิตดังกล่าวอย่างผูกขาด

เมื่อรัฐบาลใหม่ของ คัสโตร ขึ้นมามีอำนาจ สหรัฐได้พยายามปิดกั้นเศรษฐกิจของประเทศเพื่อเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลใหม่ยอมจำนนต่อผลประโยชน์สหรัฐ แต่รัฐบาล คัสโตร ตัดสินใจนำธุรกิจหลักของประเทศมาเป็นของรัฐแทนที่จะยอมจำนน และได้เร่งพัฒนาระบบการศึกษาและสาธารณสุขของประชาชนเพื่อหวังพึ่งตนเองแทนสหรัฐ

การนำระบบการผลิตภายในประเทศมาเป็นของรัฐมีผลทำให้ คัสโตร กับ เช ต้องสร้างความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์คิวบาซึ่งมีอิทธิพลในหมู่คนงานในเมือง จุดมุ่งหมายสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์ก็เพื่อที่จะใช้ฐานอำนาจและองค์กรนี้ในการควบคุมเศรษฐกิจ และเพื่อที่จะใช้พรรคคอมมิวนิสต์เป็นกลไกในการควบคุมแรงงาน เพราะกลุ่มนักรบของ เช และคัสโตร เป็นกลุ่มเล็กที่ขาดบุคคลากร ฉนั้นในที่สุด คัสโตร ที่เคยเรียกตัวเองว่านักต่อสู้ชาตินิยม ก็เริ่มเรียกตัวเองว่าเป็น “คอมมิวนิสต์”

เช เป็นนักต่อสู้กล้าหาญที่รักความเป็นธรรม แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นมาร์คซิสต์ ความคิดและวิธีการที่เขาเลือกใช้ไม่ตรงกับแนวความคิดมาร์คซิสต์แต่อย่างใด เช ให้ความสำคัญกับการกระทำของวีรชนคนกลุ่มน้อยแทนที่จะอาศัยพลังมวลชนและการต่อสู้ทางชนชั้น เขาเขียนว่า “เราได้พิสูจน์ว่าคนกลุ่มเล็กๆที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ถ้าไม่กลัวตาย สามารถชนะกองทัพอันเข้มแข็งได้” เงื่อนไขที่สำคัญในการต่อสู้ ในสายตาของ เช คือกลไกการต่อสู้และความมั่นใจของนักสู้ โดยที่ไม่ต้องให้ความสำคัญกับสภาพการเมืองและสังคม ความคิดอัตวิสัยแบบนี้เป็นความคิดแบบ “จิตนิยมปลุกระดม” ซึ่งตรงข้ามกับความคิดวัตถุนิยมของมาร์คซ์ เพราะมองความกล้าหาญและความมั่นใจของนักสู้เป็นหลัก และไม่ให้บทบาทในการต่อสู้ของชนชั้นกรรมาชีพเลย

ในที่สุดยุทธศาสตร์การต่อสู้แบบวีรชนเอกชนของ เช นำเขาและสหายไปสู่ความพ้ายแพ้ในประเทศคองโกและในที่สุดนำเขาไปสู่ความตายในประเทศโบลีเวียในปี 1967

เราสดุดีความกล้าหาญและความจริงใจของ เช ได้ และเราชมการให้ความสำคัญกับการต่อสู้ในระดับสากลได้อีกด้วย แต่เราควรจะเข้าใจว่าแนวทางการจับอาวุธของวีรชนคนกลุ่มเล็กๆ ของ เช ไม่สามารถสร้างสังคมใหม่ที่เป็นสังคมนิยมได้ และทุกวันนี้คิวบาก็ไม่ใช่สังคมนิยม แต่เป็นเผด็จการภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์แนวสตาลิน

อ่านเพิ่มเรื่องคิวบาในบทความเรื่องลาตินอเมริกา https://bit.ly/2DlwMsp

การปฏิวัติคิวบา

ใจ อึ๊งภากรณ์

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และในยุคสงครามเย็น สหรัฐอเมริกามีประเทศบริวารในลาตินอเมริกา คาริเบี้ยน และเอเชีย รวมถึงไทย ประเทศเหล่านี้ปกครองโดยเผด็จการคอร์รับชั่น บ่อยครั้งกลุ่มชั้นนำประกอบไปด้วยนายทหาร เจ้าที่ดินรายใหญ่ และนักเลงทางการเมือง พวกนี้ไม่มีฐานเสียงสนับสนุนจากประชาชนเลย และพร้อมจะปราบปรามฝ่ายตรงข้ามเสมอ ความเปราะบางและความอ่อนแอของชนชั้นนำประเทศเหล่านี้ หมายความว่าเขาต้องพึ่งพาอำนาจของสหรัฐและซีไอเอ แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันทำให้การกบฏเกิดขึ้นง่าย และอาจสำเร็จถ้าสหรัฐไม่แทรกแซง

ในปี 1959 เกาะคิวบาในทะเล คาริเบี้ยน ปกครองโดยเผด็จการ บาทิสตา ในสมัยนั้นคิวบาเป็นศูนย์กลางของพวกมาเฟียในทวีปอเมริกา และขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งบริการทางเพศ  รัฐบาลโกงกินของ บาทิสตา ไม่มีความสามารถในการพัฒนาประเทศเลย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้รัฐบาลหมดความชอบธรรมในสายตาคนส่วนใหญ่ และแม้แต่ในสายตาสหรัฐเอง

121012161842-30-castro-1012-super-169

ก่อนหน้านี้ในปี 1956 กองกำลังทหารปลดแอกชาติของ คัสโตร กับ เช กุวารา ขึ้นบกที่เกาะคิวบา แต่โดนปราบจนเหลือแค่ 20 คนที่ซ่อนตัวในป่าเขา ต่อมาในปี 1958 มีการเพิ่มจำนวนนักสู้เป็น 200 และในวันปีใหม่ปี 1959 สามารถยกทัพมายึดเมือง ฮาวานา ได้ สาเหตุที่กองกำลังเล็กๆ นี้ได้รับชัยชนะก็เพราะเกือบจะไม่มีใครเหลืออยู่ในคิวบาที่สนับสนุนรัฐบาล

che

สภาพเศรษฐกิจของคิวบาหลังจากการยึดอำนาจของ คัสโตร กับ เช กุวารา อยู่ในสภาพย่ำแย่ และรัฐบาลไม่สามารถเอาใจทุกฝ่ายในสังคมได้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกเกือบทุกชนชั้นสนับสนุนรัฐบาลใหม่ หนึ่งปีกว่าหลังการยึดอำนาจ บริษัทน้ำมันสหรัฐไม่ยอมกลั่นน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียให้คิวบา คัสโตร จึงยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐ สหรัฐโต้ตอบด้วยการเลิกสัญญาซื้อน้ำตาล ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของคิวบาที่สหรัฐเคยซื้อแบบผูกขาด รัฐบาล คัสโตร เลยยึดโรงงานน้ำตาล โรงไฟฟ้า และบริษัทโทรศัพท์มาเป็นของรัฐและหันมาผูกมิตรและพึ่งพารัสเซียแทน

การปฏิวัติคิวบาเป็นการปฏิวัติชาตินิยมล้วนๆ คัสโตร ต้องการกำจัดอิทธิพลของสหรัฐออกจากคิวบา และต้องการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้พึ่งพาน้ำตาลอย่างเดียว ในช่วงแรก คัสโตร ไม่ได้เอ่ยถึง “สังคมนิยม” แต่อย่างใด แต่เนื่องจากกลุ่มของเขาขาดมวลชน และมีการนำบริษัทเอกชนมาเป็นของรัฐ เขาเลยไปยึดพรรคคอมมิวนิสต์และมวลชนของพรรค และเริ่มประกาศว่า “ทำการปฏิวัติสังคมนิยม” ท่าทีนี้มีประโยชน์ในการผูกมิตรกับรัสเซียด้วย อย่างไรก็ตามเผด็จการคิวบา ไม่เคยเป็นสังคมนิยมมาร์คซิสต์ เพราะไม่มีเสรีภาพและประชาธิปไตยสำหรับชนชั้นกรรมาชีพและเกษตรกรเลย กรรมาชีพไม่ได้มีส่วนในการยึดอำนาจแต่อย่างใด คิวบาใช้ระบบเศรษฐกิจ “ทุนนิยมโดยรัฐ” ไม่ต่างจากรัสเซียหรือจีน ซึ่งในการพยายามครองใจประชาชนต้องมีการจัดระบบการศึกษาและสาธารณสุขให้พลเมืองทุกคน ระบบสาธารณสุขคิวบาพัฒนาไปไกลจนดีกว่าของสหรัฐอีก และมีการส่งแพทย์ไปช่วยประเทศยากจนในหลายแห่งของโลก แต่ในเรื่องอื่นๆ เช่นเสรีภาพในการนัดหยุดงาน เสรีภาพทางวัฒนธรรม และเสรีภาพทางเพศโดยเฉพาะสำหรับคนรักเพศเดียวกัน คิวบาเป็นเผด็จการแนวสตาลินของพรรคคอมมิวนิสต์ที่กดขี่ประชาชน

ความหวังของ คัสโตร ที่จะสร้างความอิสระทางการเมืองและเศรษฐกิจให้คิวบา ไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะหลังจากที่หันหลังให้สหรัฐ คิวบาต้องไปพึ่งพารัสเซียแทน

ในเมษายน 1961 ประธานาธิบดี เคนนาดี สั่งให้องค์กร ซีไอเอ จัดการบุกคิวบา ที่ “อ่าวหมู” พร้อมส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดไปทำลายสนามบินต่างๆ แต่ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะประชาชนคิวบาออกมาต่อสู้ปกป้องรัฐบาล หลังจากนั้น สองพี่น้อง เคนนาดี้ ก็ยังพยายามทำลาย คัสโตร ต่อ แต่ไม่เคยสำเร็จ

ต่อมาในปี 1962 รัสเซียพยายามนำจรวดติดหัวนิวเคลียร์มาประจำบนเกาะ เพื่อเลงไปที่เมืองต่างๆ ของสหรัฐ เพราะสหรัฐก็มีจรวดนิวเคลียร์ในยุโรปที่เลงไปที่เมืองของรัสเซีย แต่ประธานาธิบดี เคนนาดี ไม่ยอมและพร้อมจะกดปุ่มเริ่มสงครามโลกครั้งที่สาม ในที่สุด ครุสชอฟ ยอมจำนน แต่มติของเขาเกือบไม่ผ่านการประชุมคณะกรรมการการเมืองของรัสเซีย ทั้งๆ ที่ผู้นำคิวบาผิดหวังกับการยอมจำนนของรัสเซีย เพราะเขาหวังว่าการมีจรวดนิวเคลียร์จะนำไปสู่การมีอำนาจต่อรองกับสหรัฐ และการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาพึ่งพารัสเซีย

ch-po-rewolucji

ในระยะแรกๆ หลัง “วิกฤตจรวดคิวบา” คนอย่าง เช กุวารา พยายามเสนอแนวทาง “สมานฉันท์ปฏิวัติสากล” ใน คองโก และ โบลิเวีย เพื่อให้คิวบาไม่ต้องพึ่งพาใครอีก แต่ เช กุวารา พยายามใช้รูปแบบการปฏิวัติของคิวบาในที่อื่นที่ขาดสถานการณ์พิเศษของคิวบา ในคิวบารัฐบาลเดิมหมดความชอบธรรมในสายตาทุกฝ่าย และ คัสโตร กับกุวารา ไม่ต้องอาศัยพลังมวลชน แต่ที่ คองโก และโบลิเวีย มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ในที่สุดการต่อสู้ของ เช กุวารา จบลงด้วยความพ่ายแพ้และความตายในโบลิเวีย

หลังจากที่ระบบโซเวียตสิ้นสุดลงหลังสงครามเย็น คิวบาไม่สามารถพึ่งพารัสเซียได้อีก และต้องหันมาใช้ระบบทุนนิยมตลาดเสรีภายใต้เผด็จการของพรรคคอมมิวนิสต์

การเสียชีวิตของ ฟิเดล คัสโตร วันนี้อาจเปิดทางให้ชาวคิวบาหันมาทบทวนศึกษาแนวสังคมนิยมมาร์คซิสต์ ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับแนวเผด็จการสตาลิน