Tag Archives: รัฐไทย

มาทำความเข้าใจกับรัฐไทย

ใจ อึ๊งภากรณ์

ในบริบทวิกฤตประชาธิปไตยไทยปัจจุบัน มีแนวความคิดหลายแนวที่สร้างความสับสนในการทำความเข้าใจกับลักษณะแท้ของรัฐไทย

แนวความคิดที่ถือว่าเป็นกระแสหลักมากที่สุด คือความเชื่อว่าการชนะการเลือกตั้งจะนำไปสู่การคุมอำนาจรัฐ แต่สิ่งที่อาจทำให้นักประชาธิปไตยจำนวนมากตั้งคำถามก็คือ ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาในรอบสิบปี การชนะการเลือกตั้งดูเหมือนไม่พอ เพราะมีการทำรัฐประหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยทหารกับศาล

บางคนจะอธิบายว่าทหารกับศาลกำลังทำงานภายใต้การควบคุมของกษัตริย์สมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือบางคนอาจพูดถึงอำนาจของ “รัฐพันลึก”

แต่เกือบตลอดเวลาที่มีวิกฤตประชาธิปไตยไทยรอบนี้ กษัตริย์ภูมิพลป่วยและไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสั่งการอะไร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประยุทธ์ยึดอำนาจ และในขณะนี้พรรคพวกของเผด็จการประยุทธ์กำลังออกแบบระบบประชาธิปไตยครึ่งใบภายใต้แนวยุทธศาสตร์แห่งชาติ ในเรื่องนี้กษัตริย์คนใหม่ก็ไม่เคยแสดงความเห็นหรือแสดงความสนใจแต่อย่างใด ดังนั้นเราจะเห็นได้ชัดว่าอำนาจรัฐอยู่ในมือของทหารข้าราชการชั้นสูง รวมถึงศาล และในมือของนายทุนใหญ่อีกด้วย ทุกส่วนที่คุมอำนาจรัฐนี้ถือว่าเป็นสมาชิกของชนชั้นนายทุนซึ่งเป็นชนชั้นปกครอง เพียงแต่ว่ามีการแบ่งงานและหน้าที่กัน เช่นทหารมีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของชนชั้นปกครองด้วยการใช้อาวุธ ยิ่งกว่านั้นส่วนต่างๆ ของชนชั้นปกครองไทยก็ทะเลาะกันเป็นประจำ คือทั้งสามัคคีในผลประโยชน์รวมของชนชั้น แต่แย่งชิงกันในเรื่องปลีกย่อยอย่างต่อเนื่อง

จริงๆ แล้วอำนาจของทหาร ข้าราชการชั้นสูง และนายทุนใหญ่ ไม่ใช่อำนาจที่เรามองไม่เห็น เพราะก่อนที่จะมีการทำรัฐประหาร เราก็เห็นกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นรัฐไทยไม่ได้มีอำนาจลึกลับหรือพันลึกแต่อย่างใด ความคิดเรื่องรัฐพันลึกในไทยอาศัยการเข้าใจผิดว่ารัฐควรเป็นกลางและยอมรับกติกาประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงรัฐในระบบทุนนิยมถูกออกแบบเพื่อจำกัดกระบวนการประชาธิปไตยแท้ต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ การที่ยิ่งลักษณ์หรือทักษิณจะชนะการเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าทักษิณจะเป็นสมาชิกของชนชั้นปกครอง เพราะเป็นนายทุนใหญ่ ไม่ได้แปลว่าอำนาจรัฐจะตกอยู่ในมือของเขาคนเดียว เขาต้องแบ่งอำนาจกับส่วนอื่นของชนชั้นปกครอง

แต่ถ้าพรรคการเมืองที่ก้าวหน้ากว่าพรรคต่างๆ ของทักษิณ โดยเฉพาะพรรคสังคมนิยมของกรรมาชีพและคนจน เกิดชนะการเลือกตั้งในอนาคต แน่นอนอำนาจรัฐจะยังคงอยู่ในมือของพวกที่เป็นศัตรูของประชาชน และจะไม่ได้อยู่ในมือของตัวแทนกรรมาชีพและคนจนในรัฐสภาเลย และถ้ารัฐบาลของพรรคสังคมนิยมของกรรมาชีพและคนจน พยายามจะกำจัดอภิสิทธิ์ชนและความเหลื่อมล้ำในสังคม รัฐบาลนั้นจะถูกโค่นล้มโดยชนชั้นปกครอง

หนังสือ “รัฐกับการปฏิวัติ” ของเลนิน มีประโยชน์มากในการทำความเข้าใจกับเนื้อแท้ของรัฐไทยภายใต้ระบบทุนนิยมในปัจจุบัน [ดู http://bit.ly/1QPRCP6 ]

เลนินอธิบายว่ารัฐไม่เคยเป็นกลาง และเป็นเครื่องมือสำหรับชนชั้นนายทุนในการกดขี่ชนชั้นล่าง ดังนั้นการที่พรรคของกรรมาชีพจะชนะการเลือกตั้ง ไม่ได้แปลว่าชนชั้นนายทุนจะมือไม้อ่อนยอมโอนอำนาจให้กรรมาชีพ ตรงกันข้ามรัฐจะพยายามทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งปกครองประเทศไม่ได้

กรรมาชีพจะใช้รัฐปัจจุบันในการปกครองในรูปแบบใหม่ที่ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินไม่ได้ เพราะรัฐทุนนิยมปัจจุบันถูกออกแบบเพื่อไม่ให้ประชาชนเป็นใหญ่แต่แรก

จริงๆ แล้ว ระบบการเลือกตั้งรัฐสภาภายใต้รัฐทุนนิยมเป็นวิธีการที่จะสร้างภาพในสังคมว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน แต่มันเป็นภาพลวงตา เพราะถ้าจะสร้างความเท่าเทียมทางอำนาจเศรษฐกิจและการเมือง ต้องมีการฝืนกฏหมายและกติการที่ถูกสร้างไว้โดยนายทุน เพื่อยึดปัจจัยการผลิตมาเป็นของส่วนรวม และยึดอำนาจทหาร ตำรวจ และศาล มาเป็นของประชาชน ซึ่งแปลว่าต้องปฏิวัติล้มรัฐเก่า และสร้างรัฐในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีอภิสิทธิ์ชน และมีประชาธิปไตยแท้ผ่านสภาต่างๆ ในสถานที่ทำงานและในท้องถิ่นและชุมชนต่างๆ คือประชาชนธรรมดาต้องมีอำนาจโดยตรงในการกำหนดทุกอย่าง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ควรหันหลังให้กับการเลือกตั้งในรัฐสภาหรือสิทธิเสรีภาพในการลงคะแนนเสียง และนี่คือจุดยืนของเลนินด้วย เพราะถ้าเราไม่มีสิทธิเสรีภาพตามกติกาของรัฐนายทุน หรือไม่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง การจัดตั้งและเคลื่อนไหวเพื่อสังคมใหม่จะยากขึ้น

สรุปแล้วเราต้องเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อขยายพื้นที่ประชาธิปไตยตลอด แต่ในขณะเดียวกัน ต้องไม่หลงคิดว่ารัฐปัจจุบันเป็นกลาง หรือหลงคิดว่าแค่การชนะการเลือกตั้งในระบบทุนนิยมจะนำไปสู่การคุมอำนาจรัฐ ซึ่งแปลว่าเราต้องพร้อมจะจัดตั้งองค์กรหรือพรรคของคนชั้นล่างที่เคลื่อนไหวไปไกลกว่าแค่ข้อเรียกร้องของเสื้อแดงในอดีต

รัฐไทยไม่ควรทำให้การบิณฑบาตรของพระในปาตานีเกี่ยวพันกับทหาร

ใจ อึ๊งภากรณ์

การลอบวางระเบิดพระสงฆ์ในขณะออกบิณฑบาตรที่สายบุรีเป็นเรื่องแย่ และในขณะเดียวกันการใช้กองกำลังของฝ่ายรัฐไทย เพื่อลอบสังหารนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพของปาตานีก็เป็นเรื่องที่เราควรประณามเช่นกัน นอกจากนี้การใช้กองกำลังรัฐไทย เพื่อกดขี่บังคับให้ชาวมุสลิมมาเลย์ในปาตานีต้องขึ้นกับประเทศไทย ก็เป็นเรื่องแย่อีกด้วย เพราะรัฐไทยทำตัวเหมือนเจ้าอาณานิคมในพื้นที่

แต่ถ้าเราจะพิจารณาเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นที่สายบุรี อ. ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เคยเตือนมานานแล้วว่าการใช้ทหารเพื่อ “คุ้มครอง” พระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตร เป็นนโยบายที่ผิดพลาด เพราะไปผูกพันศาสนาพุทธกับทหารรัฐไทย ทำให้พระสงฆ์มีภาพเหมือนกับว่าอยู่ข้างอำนาจรัฐไทยที่กดขี่ชาวบ้าน ยิ่งกว่านั้นมันมีช่วงหนึ่งที่กองทัพพยายามส่งเสริมให้ทหารบวชเป็นพระในพื้นที่ปาตานีอีกด้วย

การที่องค์กร “สิทธิมนุษยชน” หรือองค์กรศาสนาต่างๆ ออกมาประณามการวางระเบิดที่สายบุรี ไม่มีทางแก้ปัญหาตรงจุดได้เลย เพราะพอประณามเสร็จแล้วก็ออกมาขอให้รัฐไทยคุ้มครองพระสงฆ์ แต่รัฐไทยคือผู้ใช้ความรุนแรงในการกดขี่ชาวมุสลิมมาเลย์ในปาตานีแต่แรก และกดขี่มาหลายร้อยปีอีกด้วยหลังจากที่ไทยยึดพื้นที่มาเป็นอาณานิคม มันเหมือนกับการขอร้องให้โจรจากรัฐไทยมาปกป้องประชาชน และอย่าลืมด้วยว่ากองกำลังทหารของรัฐไทย ภายใต้ประยุทธ์มือเปื้อนเลือด ก็เป็นพวกที่เข่นฆ่าเสื้อแดงที่ราชประสงค์ และปล้นสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยจากพลเมืองไทยทุกคนผ่านการทำรัฐประหาร

แทนที่พระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตร จะหลบอยู่หลังทหาร เขาควรจะผูกมิตรกับผู้นำศาสนาอิสลาม และให้ร่วมกันเดินเคียงข้างกัน

ปัญหาความรุนแรงที่ปาตานีไม่ใช่สงครามระหว่างศาสนา ไม่ใช่สงครามระหว่างชาวพุทธกับชาวอิสลาม แต่มันเป็นสงครามระหว่างชาวมาเลย์มุสลิมกับรัฐไทย ถ้าจะแก้ปัญหา ต้องมีการถอนกำลังทหารรัฐไทยออกไป และให้คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใด มาร่วมกันกำหนดอนาคต และที่สำคัญคือไม่ควรมีการบังคับใช้รูปแบบ “รัฐรวมศูนย์” ที่เคยทำมาตลอด ควรมีการคุยกันอย่างเสรีว่าปาตานีจะอยู่ต่อในรัฐไทย หรือจะแยกตัวออก หรืออาจมีการพิจารณาว่าควรจะเป็นเขตปกครองตนเองก็ได้ แล้วแต่พลเมืองในพื้นที่จะคิด

อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศไทยปกครองโดยเผด็จการทหาร และการที่เผด็จการนี้เน้นการทหารเพื่อทำลายฝ่ายที่กบฏต่อรัฐ โดยอ้างว่าจะ “สร้างสันติภาพ” มีผลทำให้สันติภาพแท้ไม่มีวันเกิดตราบใดที่เราไม่ล้มเผด็จการ

สำหรับคนที่จับอาวุธสู้กับรัฐไทย เราต้องเห็นใจเขา เพราะเขาต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรม และเขามีประสบการณ์ของการใช้ความรุนแรงจากฝ่ายรัฐไทยมาตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางออกในการปลดแอกประชาชนในปาตานีไม่ใช่การใช้กองกำลังติดอาวุธ เพราะมันทำให้เสียการเมืองเวลาฆ่าพลเรือน และมันไม่สามารถเอาชนะกองทัพไทยได้ ทางออกอยู่ที่การสร้างขบวนการมวลชนอย่างที่กลุ่มนักศึกษาในพื้นที่พยายามทำอยู่ทุกวันนี้