Tag Archives: เสรีไทย

ทำไม “องค์กรเสรีไทย” ไม่กล้าพูดเรื่อง 112 ?

ใจ อึ๊งภากรณ์

เมื่อไม่นานมานี้ผมมีโอกาสไปคุยกับเพื่อนๆ ที่รักประชาธิปไตยในเด็นมาร์ค เขาเป็นอดีตเสื้อแดงที่เรียกตัวเองว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร “เสรีไทย” แต่ผมแปลกใจที่เขาไม่อยากคุยเรื่องกฏหมาย 112 ไม่ต้องการที่จะมีจุดยืนที่คัดค้านกฏหมายเผด็จการอันนี้ และพยายามห้ามไม่ให้คนอื่นพูดเรื่องนี้ด้วย

เมื่อสัปดาห์ก่อนผมมีโอกาสคุยโดยตรงกับบางส่วนของแกนนำ “เสรีไทย” และเขายืนยันว่า ขบวนการ “เสรีไทย” มีนโยบายที่จะไม่พูดถึง 112

เขาอธิบายให้ผมฟังว่าสังคมไทย “ยังไม่พร้อม” ที่จะพูดเรื่องนี้ และเขาเชื่อว่า “ชาวบ้านจะไม่เข้าใจ” และมองว่าใครที่ค้าน 112 คงต้องการล้มเจ้า ซึ่งในความเห็นผมมันไม่จริง การคัดค้านกฏหมาย 112  ที่ปกปิดเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ได้แปลว่าคนเหล่านั้นจำเป็นต้องการล้มเจ้าเสมอ ในตะวันตก ในประเทศที่มีระบบกษัตริย์ เขายังไม่มีกฏหมายแบบนี้ และแม้แต่คนที่ชื่นชมในระบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญในอังกฤษก็ไม่เห็นด้วยกับกฏหมาย 112 ในไทย

ในขณะเดียวกัน คนอย่างผมที่ต้องการให้ทุกตำแหน่งสาธารณะมาจากการเลือกตั้ง โดยยกเลิกระบบกษัตริย์ ก็ต้องการคัดค้าน 112 ด้วย

ภายในขบวนการประชาธิปไตย หรือขบวนการรณรงค์ต้าน 112 เรามีความหลากหลายทางความคิดได้

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และผม มองร่วมกันว่าองค์กรประชาธิปไตยควรรณรงค์ให้คัดค้านและยกเลิกกฏหมาย 112 และที่สำคัญคือ คนที่เป็นแกนนำมีหน้าที่ที่จะนำทางความคิด องค์ประกอบสำคัญในการนำทางความคิดในขบวนการประชาธิปไตยไทย คือการออกไปอธิบายว่าทำไม 112 มันขัดกับหลักพื้นฐานของประชาธิปไตย และทำไมเราจำเป็นต้องยกเลิกกฏมหายเผด็จการอันนี้

ผมมองว่าถ้าแกนนำในขบวนการไม่ออกมานำทางความคิดแบบนี้ ชาวบ้านจะไม่มีวันมีทางเลือกเพื่อกระตุ้นความคิด เพราะทุกวันนี้มีแต่ฝ่ายคลั่งเจ้าที่ประโคมข่าวว่าต้องรักษา 112 เอาไว้

ถ้าแกนนำในขบวนการประชาธิปไตยไม่ออกมานำทางความคิดแบบนี้ เพื่อรณรงค์ให้ยกเลิก 112 สังคมไทยจะ “พร้อม” ได้อย่างไร? การพัฒนาเปลี่ยนแปลงความคิด ต้องมาจากการถกเถียงในสังคม มันไม่เกิดเองท่ามกลางการผูกขาดทางความคิดโดยฝ่ายต้านประชาธิปไตย

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มองว่าจุดยืนของ “เสรีไทย” ในเรื่อง 112 มาจากการที่ “เสรีไทย” ถูกนำโดยคนของพรรคเพื่อไทยและทักษิณ ตรงนี้ผมว่ามีเหตุผล เพราะเราไม่เคยได้ยินคนของพรรคเพื่อไทยหรือทักษิณเอง ออกมาวิจารณ์ 112 และที่สำคัญคือกฏหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นิโทษแม้แต่อาชญากรรัฐ แต่ไม่นิรโทษนักโทษการเมือง 112 แต่อย่างใด

ผมมองว่าในเรื่องนี้ทั้งฝ่ายพรรคเพื่อไทยกับทักษิณ และฝ่ายทหารเผด็จการกับข้าราชการล้าหลัง มองตรงกันว่ากฏหมาย 112 เป็นกฏหมาย “ศักดิ์สิทธิ์” ที่ปกป้อง “ความมั่นคงของชาติ” จากคนที่เขากล่าวหาว่าเป็น “อาชญากรร้ายแรง” คือคนที่ต้องการเสรีภาพในการแสดงออกนั้นเอง

ในแง่หนึ่งผมว่าเขาก็ถูก ถ้าเราเข้าใจว่า “ความมั่นคงของชาติ” ที่เขาเอ่ยถึงนั้นคือความมั่นคงของชนชั้นปกครองที่จะถืออำนาจเหนือเราและกอบโกยผลประโยชน์จากเรา เพราะกษัตริย์ภูมิพลเป็นเครื่องมือของพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือทักษิณ เขาใช้กษัตริย์เป็นหน้ากากบังหน้าอำนาจของชนชั้นปกครองเสมอ และสร้างภูมิพลเป็น “เทวดาสังเคราะห์” ที่พวกนี้ประดิษฐ์ขึ้น ดังนั้นถ้ามีการยกเลิก 112 เราจะมีโอกาสวิพากษ์วิจารณ์ระบบการปกครองของไทยได้เต็มที่ และจะเห็นธาตุแท้ของการใช้กษัตริย์โดยชนชั้นปกครอง

กฏหมายเผด็จการอย่าง 112 ต้องถูกยกเลิกไป เราแก้มันให้ “น่ารัก” ไม่ได้ เพราะมันขัดกับหลักพื้นฐานของประชาธิปไตย การแก้ 112 ให้อ่อนลง ก็เพียงแต่จะนำไปสู่ระบบกึ่งเผด็จการเท่านั้น ซึ่งในความจริงก็คือเผด็จการธรรมดานั้นเอง ดังนั้นขบวนการอะไร หรือองค์กรอะไร ที่อ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ไม่แตะเรื่อง 112 ไม่รณรงค์ให้ยกเลิก คงจะเป็นองค์กรหรือขบวนการที่ไร้น้ำยาในการสร้างเสรีภาพ

อ่านข่าวนี้ประกอบบทความ:

http://prachatai.com/journal/2015/08/60724

http://prachatai.com/journal/2015/08/60728

ปัญหาใหญ่ขององค์กรเสรีไทยในยุโรป

ใจ อึ๊งภากรณ์

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ องค์กรเสรีไทยในยุโรป ถูกทดสอบและไม่ผ่าน เพราะประยุทธ์มือเปื้อนเลือดหัวหน้าคณะเผด็จการไทยมาร่วมประชุมที่อิตาลี่ แต่องค์กรเสรีไทยในอียูหรือในยุโรป ไม่ว่าจะมีชื่อหรูแค่ไหน ไม่ยอมส่งทีมไปประท้วงต่อต้านประยุทธ์

ผมเคยเขียนบทความต้อนรับการก่อตั้งองค์กรเสรีไทยเมื่อหลายเดือนก่อน พร้อมอธิบายว่าคนเสื้อแดงจำนวนมากตั้งความหวังกับองค์กรนี้ในเมื่อการนำจาก นปช. และทักษิณ-เพื่อไทย หมดสิ้นไป ในขณะเดียวกันผมเคยเสนอว่าองค์กรเสรีไทยควรมีจุดยืนเพื่อสร้างประชาธิปไตยในไทย รวมถึงการต่อต้านกฏหมาย 112 ด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ องค์กรเสรีไทยต้องทำการจัดตั้งคนไทยในประเทศไทย ซึ่งเป็นการจัดตั้งใต้ดิน

อย่างไรก็ตามเมื่อติดตามคำแถลง คำสัมภาษณ์ และกิจกรรมขององค์กรเสรีไทย ก็พบว่าแกนนำองค์กรนี้เน้นเรื่องการล็อบบี้รัฐบาลต่างประเทศเท่านั้น และไม่ใส่ใจในการจัดตั้งคนไทยในประเทศไทยเพื่อล้มเผด็จการ

การล็อบบี้รัฐบาลต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ ผมเองและเพื่อนๆคนไทยในยุโรปหลายคน ก็ได้ติดต่อกับสส.ในประเทศที่ตนพักอยู่ เพื่อกดดันรัฐบาลในยุโรปให้ลดความสัมพันธ์กับเผด็จการทหารไทย และเราทำสิ่งเหล่านี้เอง ไม่ได้ทำผ่านองค์กรเสรีไทย สส.หลายคนก็ยืนยันกับเราว่ารัฐบาลในยุโรปกังวลถึงความเป็นเผด็จการของไทย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องชี้ขาดคือการจัดตั้งคนไทยภายในประเทศไทย ถ้าเผด็จการประยุทธ์และผลพวงโสโครกทั้งหลายของเขาจะถูกล้ม คนไทยในประเทศไทยต้องออกมาล้มผ่านการจัดตั้งใต้ดินและบนดิน เราจะไปหวังรัฐบาลมหาอำนาจที่ชอบตอแหลไม่ได้

สิ่งที่น่าสลดใจที่สุดคือ แม้แต่การล็อบบี้รัฐบาลต่างประเทศ ที่องค์กรเสรีไทยอ้างว่าเป็นงานหลัก เสรีไทยก็ไม่ทำ เพราะไม่มีการจัดส่งทีมคนไทยไปประท้วงประยุทธ์ที่อิตาลี่เลย ผมเข้าใจว่าคนไทยหลายคน รวมถึงผมเอง ต้องทำงานเลี้ยงชีพและลางานไม่ได้ นอกจากนี้ไม่มีทุนสำรองเพื่อการเดินทาง แต่แกนนำเสรีไทยและคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในองค์กรเสื้อแดงยุโรปอีกจำนวนหนึ่ง มีเวลาและเงินทุน ดังนั้นต้องสรุปว่าเลือกที่จะไม่ไปประท้วงประยุทธ์ด้วยเหตุผลเล่นพรรคเล่นพวกตามลักษณะคนคับแคบทางจิตใจและการเมือง

เลิกเถิด ความคับแคบและการเล่นพรรคเล่นพวก เพราะสิ่งที่เราต้องการมากกว่าสิ่งอื่นใด คือการสร้างแนวร่วมต้านเผด็จการไทยที่ไม่กีดกันใครและยอมรับความหลากหลายทางความคิด มันยังไม่สายเกินไปที่จะทำสิ่งเหล่านี้ และมันไม่สายเกินไปที่องค์กรเสรีไทยจะปรับตัว ถ้าเป็นองค์กรจริงและไม่ใช่องค์กรผีที่มีแต่ชื่อ ไม่แน่การปรับตัวหันหน้าเข้าหากันอาจทำให้องค์กรเสรีไทยกลายเป็นองค์กรมวลชนที่นำการต่อสู้ในไทยได้ ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่ชักเริ่มกังวล

เผด็จการประยุทธ์ เราจะสร้างประชาธิปไตยได้อย่างไร?

ใจ  อึ๊งภากรณ์

(สรุปจากการประชุมคนไทยรักประชาธิปไตยที่ประเทศเด็นมาร์ค)

 

ปรากฏการณ์ล่าสุดในไทยคือการแต่งตั้งตนเองเป็นนายกของประยุทธ์มือเปื้อนเลือด ประยุทธ์มั่นใจในตนเอง ว่าสมุนใน “สภาทหาร” จะเลือกเขา จนประยุทธ์ไม่สนใจไปร่วมประชุมด้วย

เผด็จการของประยุทธ์ทั้งโหดร้ายและโง่ โหดร้ายเพราะขัง ทรมาน และใช้ 112 ไล่จับคนที่คิดต่าง โง่เพราะหน้าด้านปกครองเดี่ยว และสร้างภาพหน้าสมเพชว่าคืนความสุขให้ประชาชน

เผด็จการนี้ทำให้นึกถึงยุคเผด็จการก่อน 14 ตุลา นักเขียนชื่อดัง วัฒน์  วรรลยางกูร มองว่า “คสช คือเศษสวะตกค้างจากสงครามเย็น” และ สุธาชัย  ยิ้มประเสริฐ ชี้แจงว่า การรวบอำนาจของประยุทธ์ ใช้วิธีการที่ไม่มีการใช้มาตั้งแต่ยุคเผด็จการถนอม

ในปัจจุบันจำนวนคนไทยที่รักประชาธิปไตย ที่ต้องเดินทางออกนอกประเทศมีจำนวนสูงมาก ปรากฏการณ์นี้ไม่เคยมีมานานแล้ว ครั้งก่อนจะเป็นช่วงยุค 6 ตุลา

คสช. มีแผนทำอะไร? แน่นอนพวกมันและพวกประจบสอพลอที่คอยฉวยโอกาสเลียเผด็จการ ไม่มีวันปฏิรูประบบการเมืองไทยให้มีประชาธิปไตยมากขึ้นได้ พวกนี้เป็นพวกมือเปื้อนเลือดที่ก่อรัฐประหารและปิดกั้นเสรีภาพ แต่ฝูงนักวิชาการเลื้อยคลาน มักเห่าหอนว่านี่คือการ ”ปฏิรูป”

ถ้ามีการปฏิรูปจริงมันจะมีหน้าตาอย่างไร? จะต้องมีการทำลายอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองของทหาร จะต้องมีการยกเลิกกฎหมาย 112 จะต้องมีการลงโทษพวกที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและพวกที่ก่อรัฐประหาร จะต้องมีการยกเลิกองค์การ(ไม่)อิสระ และต้องมีการสร้างความเสมอภาคผ่านระบบรัฐสวัสดิการและการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวย แต่เราต้องรอให้ล้มเผด็จการก่อน

ต้นเหตุของวิกฤติทางการเมืองในประเทศไทยเริ่มจากวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2539 ตอนนั้น ทักษิณ สามารถเสนอนโยบายที่ครองใจประชาชนในสถานการณ์วิกฤติ นโยบายของทักษิณ ไม่ใช่“ประชานิยม”แต่เป็นนโยบายที่ทำให้สังคมไทยทันสมัยและคนจนมีส่วนในสังคมมากขึ้น ทักษิณ ไม่ได้มีเจตนาที่จะท้าทายระบบการเมืองอุปถัมภ์แบบเก่าและเขาอยากปกป้องอำนาจของอำมาตย์ แต่ในรูปธรรมนโยบายของทักษิณสร้างศัตรูมากมายในแวดวงพวกอนุรักษ์นิยม นี่คือสาเหตุที่ทหาร ข้าราชการชั้นสูง และ ชนชั้นกลางล้าหลังเกลียดชังประชาธิปไตยมาตลอด

แต่เราจะหวังว่าทักษิณและพรรคพวกหรือแม้แต่ นปช. จะนำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ได้ ทักษิณเองก็ละเมิดสิทธิมนุษยชนมาหลายครั้ง และ ตอนนี้พรรคเพื่อไทยและนปช. ก็ยอมจำนนต่อทหาร ทักษิณถึงกับเสนอแนะให้คนเสื้อแดงร่วมมือกับเผด็จการ คสช.

ถ้าเราเข้าใจที่มาของวิกฤติการเมืองไทยแบบนี้ เราจะเข้าใจด้วยว่าการเปลี่ยนรัชกาล จะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด และจะไม่กระทบต่ออำนาจของทหาร

เผด็จการ คสช. จะไม่พังเองและผลพวงของเผด็จการนี้จะไม่หายไปเองจากสังคม ยิ่งกว่านั้นเราไม่ควรลืมว่ามีคนที่กำลังติดคุกอยู่

ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องจัดตั้งทางการเมืองอย่างเป็นระบบ และ จะต้องเป็นการจัดตั้งอิสระจากทักษิณ โดยเชื่อมโยงกับขบวนกับขบวนการแรงงานเพื่อใช้พลังกดดันทางเศรษฐกิจ การจัดตั้งขบวนการประชาธิปไตยภายในประเทศเป็นเรื่องชี้ขาด และ เรากำลังรอวันที่จะมีการทำงานแบบนี้อย่างจริงจัง เราต้องตั้งคำถามกับ “องค์กรเสรีไทย” ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และเน้นการทำงานแบบไหน? เพราะถ้ามีแต่การเน้นการ“ล็อบบี้”องค์กรต่างประเทศประชาธิปไตยจะไม่เกิด

เราจะไปหวังอะไรได้จากสหรัฐอเมริกา ที่ปราบปรามประชาชนผิวดำภายในประเทศ? เราจะไปหวังอะไรได้จากรัฐบาลในยุโรปที่พร้อมจะก่อสงครามเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง? เราจะไปหวังอะไรได้จากสหประชาชาติที่ไม่เคยห้ามอาชญากรรมของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์?

บทเรียนสำคัญจากพม่าสอนให้เรารู้ว่าการประนีประนอมกับเผด็จการทหาร ไม่นำไปสู่การสร้างประชาธิปไตย ดังนั้นขบวนการประชาธิปไตยในไทยต้องประกาศให้ชัดเจน ว่าจะเคลื่อนไหวเพื่อลดอิทธิพลของทหาร ยกเลิก 112 และนำคนอย่างประยุทธ์ มาลงโทษในอนาคต

ขบวนการเสรีไทย

ใจ  อึ๊งภากรณ์

FT

ในเมื่อพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช. ยอมจำนนต่อคณะทหารเถื่อน การประกาศตัวขององค์กรเสรีไทยเป็นปรากฏการณ์ที่น่าชื่นชม และให้กำลังใจแก่ผู้รักประชาธิปไตยเป็นจำนวนมากในประเทศไทย

ความสำคัญของขบวนการเสรีไทยในยุคนี้ คือ การประกาศตัวเป็นแกนนำในการต่อสู้กับเผด็จการทหาร ซึ่งแกนนำนี้ ถ้ามีจุดยืนที่ถูกต้องและชัดเจน จะสามารถครองใจคนเสื้อแดงภายในประเทศจำนวนมาก นี่คืออาวุธที่เราจะต้องรู้จักใช้อย่างถึงที่สุด ไม่ควรจะพลาดโอกาส เพราะแกนนำเสื้อแดงก้าวหน้าที่จะกระจัดกระจาย หลายคนติดคุกและหลายคนกำลังหลบหนีอยู่ คำถามสำคัญคือ ขบวนการเสรีไทยจะใช้เครดิตที่มีอยู่กับประชาชนไทยอย่างจริงจังหรือไม่

แกนนำของขบวนการเสรีไทยยอมรับว่าในขณะนี้องค์กรยังเล็กอยู่ และภารกิจสำคัญคือการขยายสมาชิก นอกจากนี้ในเมื่อองค์กรเพิ่งตั้งขึ้นมาในไม่กี่วันที่ผ่านมา เราจะไปหวังว่าขบวนการเสรีไทยจะมีคำตอบครบชุดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวล้มเผด็จการไม่ได้

คำถามสำคัญที่ขบวนการเสรีไทยควรจะตอบกับมวลชนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยอิสระที่ไม่ใช่เสื้อแดงคือ เสรีไทยจะเน้นการเคลื่อนไหวตรงจุดไหน? การล้มเผด็จการจะต้องอาศัยพลังชี้ขาดภายในประเทศ ดังนั้นต้องมีการเน้นการจัดตั้งเครือข่ายของขบวนการเสรีไทยภายในประเทศเป็นอันดับหนึ่ง เราทราบดีว่าเผด็จการทหารกำลังใช้อำนาจป่าเถื่อนในการปราบปรามผู้ที่คิดต่าง การจัดตั้งขบวนการเสรีไทยภายในประเทศไทยจึงต้องเป็นงานใต้ดิน  แต่อย่าลืมว่าเสื้อแดงมีเครือข่ายทั่วประเทศอยู่แล้ว และผู้รักประชาธิปไตยอิสระก็มีเครือข่ายหลวมๆ กระจัดกระจายอยู่บ้าง ซึ่งเราเห็นจากการออกมาต่อต้านรัฐประหาร เราต้องใช้ทรัพยากรสำคัฐตรงนี้

ภารกิจสำคัญของขบวนการเสรีไทย จึงต้องเป็นการประสานระหว่างแกนนำนอกประเทศกับเครือข่ายภายในประเทศ

เสรีไทยจะต้องพิสูจน์กับมวลชนว่ารักประชาธิปไตยภายในองค์กร คือแกนนำและการนำต้องสามารถถูกตรวจสอบและเปลี่ยนโดยมวลชน เราไม่ต้องการแกนนำที่แต่งตั้งตนเองอย่างถาวรและพาเราไปเดินตามผู้ใหญ่ทางการเมืองในอนาคต

ขบวนการเสรีไทยควรจะพึ่งตนเองโดยเก็บค่าสมาชิกหรือเรี่ยไรเงินกันเองในระดับรากหญ้า ทั้งนี้เพื่อให้อิสระจากนายทุนทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นทักษิณหรือคนอื่น แกนนำเสรีไทยจะทำหรือไม่? ผมหวังว่าจะทำ

นอกจากจุดยืนอันดีเลิศในแถลงการณ์ฉบับแรกของขบวนการ เสรีไทยจะต้องประกาศอย่างชัดเจนว่ามีเป้าหมายในการปลดปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน รวมถึงนักโทษ 112 และควรจะมีจุดยืนเพื่อยกเลิกกฎหมาย 112 และการลดบทบาททหารในการเมืองอีกด้วย

เป็นเรื่องเร่งด่วนอีกด้วยที่เสรีไทยต้องรวบรวมรายชื่อคนที่มีชื่อในการเคลื่อนไหว ที่พร้อมจะประกาศตัวเป็นสมาชิกกับสาธารณะ องค์กรจะได้ดูมีน้ำหนักมากขึ้น

ในเรื่องการเคลื่อนไหวนอกประเทศ คนที่ยังมีความหวังเกี่ยวกับสหประชาชาติ หรือ คนที่หวังว่าประเทศประชาธิปไตยจะมาช่วยเรา เขาก็มีสิทธิเคลื่อนไหวต่อไป แต่ในความเห็นส่วนตัว ผมมองว่าเราควรเลิกความหวังดังกล่าว

ภารกิจสำคัญของคนไทยที่อยู่ต่างประเทศในสายตาผม คือการเสนอความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยกับสื่อมวลชนสากล และ การคัดค้านคำโกหกของคณะเผด็จการ นอกจากนี้เราคงต้องช่วยกันประสานการเคลื่อนไหวระหว่างคนที่อยู่ต่างประเทศกับคนจำนวนมากที่อยู่ภายในประเทศไทย

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมและเพื่อนๆ มิตรสหายจะสามารถเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย ด้วยจิตใจบริสุทธิ์ในอนาคตอันใกล้