Tag Archives: เอ็มมานูเอล มาครง

วิเคราะห์ขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองในฝรั่งเศส

ใจ อึ๊งภากรณ์

ขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองในฝรั่งเศส เป็นขบวนการที่ดูเหมือนระเบิดขึ้นอย่างกระทันหันจนสามารถท้าทายการปกครองของประธานาธิบดีมาครง

มีนักวิเคราหะบางคน รวมถึงอดีตผู้นำนักศึกษาคนหนึ่งจากยุค 1968 ที่มองว่าขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองเป็นขบวนการของชาวชนบทที่มี่นำโดยพรรคฟาซิสต์ “รวมพลังชาติ” ของ เลอ แปน

แต่พวกที่มองแบบนี้เป็นคนที่มองอะไรแบบตื้นเขิน ไม่ติดดิน และไม่ทันกับสถานการณ์โลกจริง เพราะขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองซับซ้อนกว่านั้นมากและกลายเป็นขบวนการทางชนชั้นที่เอียงไปทางซ้าย

ในตะวันตกพอมาครงชนะการเลือกตั้งในปี2017 พวกเสรีนิยมทั้งหลายพากันตื่นเต้นและเชียร์เขาสุดขีด หลายคนมองว่าเขาคือความหวังใหม่และจะปฏิรูปฝรั่งเศสและยุโรปให้ทันสมัย

macron-1

ในไทยตอนที่มาครงเข้ามาใหม่ๆ นสพ ไทยรัฐ เขียนชมไว้ว่า “หลายคนเห็นหน้าประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนใหม่แล้ว กรี๊ดกร๊าดในความหล่อ ทั้งยังฉลาด รู้สึกหลงรักอย่างบอกไม่ถูก” ส่วน MThaiNews ก็มีบทความ “เปิดประวัติ ‘มาครง’ ผู้นำหล่อคนใหม่แห่งเมืองน้ำหอม”

ยิ่งกว่านั้น ความ “หน้าใหม่หน้าหล่อ” ของมาครงทำให้สำนักข่าวรอยเตอร์สเสนอว่าบางคนเปรียบเทียบเขากับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สื่อไทยชื่อ The Momentum ก็พูดทำนองนี้เหมือนกัน [ดู https://bit.ly/2G3SQIP และ https://bit.ly/2S3MSto ] แต่ที่สำคัญคือธนาธรเองไม่เคยเปรียบเทียบตัวเองกับมาครง

1920px-Manif_fonctionnaires_Paris_contre_les_ordonnances_Macron_(37572386626)

อย่างไรก็ตามตั้งแต่มาครงขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในเดือนพฤษภาคม 2017 ก็มีการประท้วงอย่างต่อเนื่องที่ต่อต้านนโยบายเสรีนิยมกลไกตลาดสุดขั้วของเขา โดยแนวร่วมสหภาพแรงงานเป็นแกนหลัก สาเหตุคือความพยายามของมาครงที่จะทำลายสิทธิแรงงานเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน อีกสาเหตุหนึ่งคือการพยายามนำรัฐวิสาหกิจในภาคขนส่งออกขายให้เอกชน

นอกจากนี้ในไม่นานมาครงได้ชื่อว่าเป็น “ประธานาธิบดีของคนรวย” เพราะลดภาษีให้คนรวยทันที และใช้เงินรัฐเพื่อการเสพสุขของตนเอง เช่นซื้อของใช้ราคาแพงสำหรับบ้านพักประธานาธิบดี และเขายังผลักดันนโยบายรัดเข็มขัดที่ทุกรัฐบาลในอียูทำกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อคนจนมาก

mka05lnsc5d123536

ขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองเกิดขึ้นจากการประท้วงนโยบายของมาครงที่ประกาศขึ้นภาษีน้ำมัน โดยที่มาครงใช้ข้ออ้างเท็จว่าจะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ในความจริงมันมีผลกระทบกับคนจนและคนชั้นกลางมากกว่า ในช่วงแรกพรรคฟาซิสต์ “รวมพลังชาติ” ของ เลอ แปน พยายามจะฉวยโอกาสด้วยการสนับสนุน แต่เมื่อขบวนการเริ่มชูประเด็นของชนชั้นกรรมาชีพ เช่นข้อเรียกร้องให้เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และให้เก็บภาษีเพิ่มจากคนรวย เลอ แปน ก็ถอยออกไป ในไม่ช้าขบวนการนักศึกษาก็มาร่วมโดยนำข้อเรียกร้องของตนเองเกี่ยวกับการเก็บค่าเล่าเรียนและการกีดกันนักศึกษาจำนวนมากออกจากระบบมหาวิทยาลัย สหภาพแรงงานก็มาสนับสนุนและประกาศนัดหยุดงานด้วย แต่แกนนำสหภาพระดับชาติยังสองจิตสองใจอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดมากขึ้น ประเด็นเรื่องสิทธิทางเพศและเรื่องสิทธิของผู้ลี้ภัยและคนผิวดำก็ถูกชูขึ้นอีกด้วย และเวลาเกิดการทำลายทรัพย์สิน มักจะเป็นร้านค้าและรถยนต์ของเศรษฐีคนรวยที่ถูกเผา แต่ความรุนแรงส่วนใหญ่มากจากตำรวจของรัฐที่พยายามปราบผู้ประท้วงที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง

กลุ่มล่าสุดที่เข้ามามีส่วนร่วมคือกลุ่มคนพิการที่ไม่พอใจกับกฏหมายของรัฐบาลที่ลดมาตรฐานในการสร้างบ้านใหม่ นอกจากนี้มีนักเคลื่อนไหวในสหภาพแรงงานที่ร่วมกันเขียนจดหมายเปิดผนึกลงในหนังสือพิมพ์เพื่อเรียกร้องให้ผู้นำแรงงานออกมาประสานการนัดหยุดงาน

yellow-vests-demonstration-in-paris

นักมาร์คซิสต์จะมองว่าขบวนการมวลชนที่เป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นขบวนการที่เต็มไปด้วยการถกเถียงเสมอ และเป็นพื้นที่สำหรับการช่วงชิงการนำโดยพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งฝ่ายซ้ายปฏิวัติ ฝ่ายซ้ายปฏิรูป และฝ่ายขวารวมถึงฟาสซิสต์ด้วย ตอนนี้ดูเหมือนฝ่ายซ้ายสามารถชิงการนำได้ [ดูhttps://bit.ly/2cvlmCk ]

นอกจากนี้นักมาร์คซิสต์จะมองว่าถ้าจะเข้าใจขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมในยุคใดยุคหนึ่ง ต้องดูบริบททางประวัติศาสตร์ คือดูว่าการต่อสู้ก่อนหน้านั้นมีหน้าตาอย่างไร มันไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ การต่อต้านมาครงระเบิดขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป

วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปี 2008 นำไปสู่นโยบายรัดเข็มขัดอย่างรุนแรงในทุกประเทศของยุโรปและหลายประเทศของลาตินอเมริกา มันทำให้คนจนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และความเดือดร้อนดังกล่าวนำไปสู่ความโกรธแค้นที่สะสมในหัวใจคนจำนวนมาก มันแค่รอวันที่จะแสดงตัวเท่านั้น มันอธิบายได้ว่าทำไปประชาชนอังกฤษจึงลงคะแนนเสียงเพื่อออกจากอียูซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตรุนแรงสำหรับชนชั้นปกครอง มันอธิบายได้ว่าทำไมประชาชนใน บราซิล เยอรมัน อิตาลี่ ฯลฯ เบื่อหน่ายกับพรรคกระแสหลัก และมันอธิบายความโกรธแค้นอย่างรุนแรงของ “ผู้ที่ถูกลืม” ในฝรั่งเศส

c318c5c05db8a043348e993cf24f8214_w982_h543
นักสหภาพแรงงานร่วมประท้วงกับเสื้อกั๊กเหลือง

ทุกวันนี้ชนชั้นปกครองในประเทศต่างๆ ของยุโรป เกรงกลัวว่าเสื้อกั๊กเหลืองจะลามจากฝรั่งเศสไปสู่ประเทศของตนเอง เหมือนกับคลื่นประท้วงอาหรับสปริงเมื่อไม่นานมานี้

ชัยชนะของขบวนการเสื้อกั๊กเหลืองในฝรั่งเศส ที่จะล้มมาครงและเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาล จะขึ้นอยู่กับการเชื่อมโยงมวลชนกับพลังของชนชั้นกรรมาชีพและนักศึกษา แต่ถ้าผู้นำแรงงานหมูอ้วนระดับชาติพยายามจะประนีประนอมมันก็จะไม่ไปถึงจุดนั้น อย่างไรก็ตามกรณีเสื้อกั๊กเหลืองแสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพและคนจนมีผลสำคัญในการผลักพวกฟาซิสต์ออกจากเวทีการเมืองของมวลชน และมันมีผลทำให้รัฐบาลมาครงหมดความชอบธรรม

ผู้นำตะวันตกที่คบประยุทธ์ล้วนแต่เป็นพวกล้าหลัง

ใจ อึ๊งภากรณ์

[เพื่อความสะดวกในการอ่าน ท่านควรกดเข้าไปที่หน้าบล็อก]

คนไทยไม่ควรตกใจที่ผู้นำตะวันตกพร้อมจะคบ “ประยุทธ์มือเปื้อนเลือด” เพราะอย่างที่ผมเคยอธิบายแล้ว รัฐบาลตะวันตกไม่ได้สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพหรือประชาธิปไตยในไทยหรือที่อื่น แค่สร้างภาพเท่านั้นเอง สิ่งที่เขาสนใจจริงๆ คือเรื่องการค้า การหากำไรให้กลุ่มทุนของตน และการหาวิธีคานอิทธิพลทางการเมืองของคู่แข่งในเวทีโลก            [ดู https://bit.ly/2MVbtyv ]

36114148_10212637065542288_4317893616677683200_n

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่เราควรเข้าใจด้วยคือไม่ว่าจะชาติไหนในโลก ยุโรปตะวันตก สหรัฐ หรือไทย มันมีความขัดแย้งทางการเมืองหรือขั้วการเมืองระหว่างนักการเมืองก้าวหน้ากับนักการเมืองล้าหลังเสมอ มันไม่ใช่ว่า “อังกฤษคือแม่แบบประชาธิปไตย” ประชาธิปไตยอังกฤษมาจากการต่อสู้ระหว่างพวกอนุรักษ์นิยมล้าหลัง กับพวกก้าวหน้าที่ยืนอยู่เคียงข้างคนจน กรรมาชีพ และคนส่วนใหญ่

18137-1t8ewuk

ในกรณีอังกฤษ ทะรีซา เมย์ เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมที่มีประวัติในการใช้นโยบายรัดเข็มขัด ตัดสวัสดิการของคนส่วนใหญ่ ทำลายระบบสาธารณสุข กดขี่สหภาพแรงงาน ลดภาษีให้คนรวยและกลุ่มทุน และเขามีประวัติในการใช้นโยบายเหยียดสีผิวและเหยียดคนต่างชาติอีกด้วย นอกจากนี้รัฐบาลนี้ก็จับมือกับทรราชอื่นๆ รอบโลก รวมถึงซาอุดิอาระเบีย กับอิสราเอล

ในอดีตพรรคอนุรักษ์นิยมเป็นอุปสรรคใหญ่ในการต่อสู้เพื่อสิทธิในการเลือกตั้งของคนส่วนใหญ่ในอังกฤษอีกด้วย

trump_0

ในกรณีสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีที่ปฏิกิริยาล้าหลังที่สุด ทรัมป์ชอบใช้คำพูดเหยียดสีผิวอย่างต่อเนื่อง เขามองว่าคนต่างชาติเหมือน “แมลง” หรือเป็นพวก “อาชญากร” เขาใช้นโยบายกักขังเด็กเล็กแยกจากพ่อแม่เมื่อเด็กเหล่านั้นข้ามพรมแดนกับพ่อแม่เพื่อแสวงชีวิตใหม่ในสหรัฐ เขามีประวัติในการละเมิดสตรีและใช้คำหยาบคายเกี่ยวกับผู้หญิง เขาใช้นโยบายก้าวร้าวต่อประเทศอื่นจนเกิดภัยสงคราม เขาตัดภาษีให้กลุ่มทุนและคนรวย และประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐในอิสราเอลไปเมืองเยรูซาเลมทั้งๆ ที่ชาติอื่นๆ ไม่เห็นด้วย และการกระทำครั้งนี้ก่อให้เกิดสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง

macron-1

ในกรณีฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เป็นผู้นำฝ่ายขวาที่พยายามทำลายฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนผู้ทำงาน และทำลายสิทธิของสหภาพแรงงานจนเกิดการนัดหยุดงานทั่วประเทศ

460C8FA3-8BDE-4B3D-A4BD-0777AD9B41C8_w1023_r1_s

รัฐบาลของเขาใช้นโยบายรัดเข็มขัดกับประชาชนธรรมดา แต่ตัว มาครง เองก็ใช้เงินภาษีประชาชนเพื่อซื้อชุดกินข้าวหรูราคาเป็นแสน และสั่งสร้างสระว่ายน้ำในทำเนียบฤดูร้อน นอกจากนี้เขาพร้อมจะคบจับมือกับทรราชรอบโลกเช่นผู้นำซาอุดิอาระเบีย กับอิสราเอล ไม่ต่างจาก ทะรีซา เมย์

มาครอง เป็นคนถือตัว เขาไม่พอใจเมื่อเด็กวัยรุ่นเรียกเขาโดยใช้ชื่อเล่นว่า ‘มานู’ และร้องเพลง “อินเตอร์เนชั่นแนล” ของฝ่ายซ้าย เพื่อประชดนโยบายเอาใจนายทุนของรัฐบาล มาครอง

Britain and France summit

ดังนั้นในขณะที่พวกเราต้องประท้วงรัฐบาลเผด็จการของประยุทธ์ และเรียกร้องประชาธิปไตย เราไม่ควรตกใจหรือแปลกใจในพฤติกรรมของผู้นำตะวันตก

36177328_10212637068502362_2465469304175329280_o