Tag Archives: แฟลชม็อบ

ประชาธิปไตยศักดิ์สิทธิ์กว่ากษัตริย์

ใจ อึ๊งภากรณ์

พวกไดโนเสาร์ที่เอะอะโวยวายจะใช้กฏหมายเถื่อน 112 กับพลเมืองผู้รักประชาธิปไตยตลอดเวลา ชอบอ้างว่ากษัตริย์เป็นสถาบันศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่มันเหยียบย่ำสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเสมอ การกล่าวหาผู้เผยแพร่รูปถ่าย “แฟลชม็อบ” #ไม่ถอยไม่ทน ที่สกายวอล์ก โดยพวกคลั่งเจ้า เป็นเพียงข้ออ้างในการคัดค้านการต้านเผด็จการของมวลชน

FUD

แท้จริงแล้วประชาธิปไตยต่างหากที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่สถาบันกษัตริย์เป็นสิ่งอัปมงคลสำหรับสังคม แต่ทหาร ชนชั้นปกครอง และชนชั้นกลางฝ่ายอนุรักษ์นิยม มักจะทำลายประชาธิปไตยของเราในนามของกษัตริย์

แต่ไหนแต่ไร กษัตริย์เป็นสิ่งอัปมงคลสำหรับคนธรรมดาในสังคม ในยุคอดีต การที่กษัตริย์นำการต่อสู้ และรบในสงคราม ไม่ใช่เพื่อรักษาเสรีภาพของคนส่วนใหญ่แม้แต่นิดเดียว ในยุคศักดินากษัตริย์มันทำสงครามเพื่อแย่งชิงทรัพยากรสำคัญกับกษัตริย์ในเมืองอื่นๆ ทรัพยากรนี้คือมนุษย์ มีการกวาดต้อนคนเข้ามาเพื่อเป็นทาสเป็นไพร่ให้กับตนเองและพรรคพวก สรุปแล้วคนอย่างพระนเรศวร หรือกษัตริย์อื่นในยุคศักดินา ทำสงครามเพื่อแย่งคนมาขูดรีดบังคับให้ทำงานสร้างมูลค่าให้พวกมันเอง แต่พวกที่หลงเชื่อนิยายของชนชั้นปกครองจะมองว่าพวกที่กวาดต้อนคนมาขูดรีดได้มากที่สุดคือ “มหาราช”

สำหรับประชาชนธรรมดาในยุคนั้น เวลาพวกเจ้ายกทัพมาใกล้หมู่บ้านตนเอง มันเป็นสิ่งน่ากลัว เพราะจะแย่งคนไปเป็นเมียน้อยหรือทาส และทำลายสภาพชีวิตของชาวบ้าน ชาวบ้านจะมักจะหนีเข้าป่า

พอเข้าสู่ยุคทุนนิยมในสมัยรัตนโกสินทน์ การขูดรีดประชาชนเริ่มเปลี่ยนไปจากการบังคับแรงงานไปเป็นการขูดรีดทางการเงิน กษัตริย์ตั้งตัวเป็นนายทุนใหญ่และขูดรีดมูลค่าส่วนเกินจากแรงงาน โดยจ่ายค่าจ้างน้อยกว่ามูลค่าที่คนงานผลิต นอกจากนี้มีการรีดไถเกษตรกรผ่านการเก็บค่าเช่าที่ดินที่กษัตริย์ประกาศว่า “เป็นของตนเอง” และมีการรีดไถพ่อค้าแม่ค้าและคนอื่นด้วยการเก็บภาษี

มูลค่าที่กษัตริย์สะสมมา ไม่ได้นำไปพัฒนาสังคมแต่อย่างใด แต่ใช้ในการสร้างความสุขให้กษัตริย์และพรรคพวก นี่คือสาเหตุที่คณะราษฎร์ต้องเร่งสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เช่นโรงเรียน และเร่งพัฒนาสังคม หลังการปฏิวัติ๒๔๗๕

ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่กษัตริย์หมดอำนาจทางการเมือง สถาบันกษัตริย์ถูกใช้เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับเผด็จการทหารและนายทุน การสร้างกษัตริย์ให้เป็น “กาฝากในคราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์”สำหรับชนชั้นปกครองในยุคภูมิพล กระทำไปเพื่อให้พลเมืองธรรมดาหลงคิดว่ามันเป็นเรื่อง “ธรรมชาติ” ที่บางคนเกิดสูงบางคนเกิดต่ำ แต่ในความเป็นจริงมันเป็นแค่ “ธรรมชาติของโจร” เท่านั้น

บทบาทกษัตริย์ในยุคภูมิพลกลายเป็นเรื่องตลกร้าย เพราะภูมิพลไม่เคยกล้าทำอะไรเพื่อปกป้องประชาธิปไตยหรือพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนเลย ภูมิพลไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้นำ เขาเป็นคนอ่อนแอที่กลายเป็นเครื่องมือเบ็ดเสร็จของเผด็จการ และยังหน้าด้านสอนให้พลเมือง “รู้จักพอเพียง” ในขณะที่ตนเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศ และความร่ำรวยดังกล่าวมาจากการขูดรีดประชาชนไทยและการฉวยโอกาสได้ประโยชน์จากยุคเผด็จการด้วย แต่ทหารเผด็จการและนายทุนเชิดชูให้กาฝากภูมิพลเป็น “คนดี” และเป็น “มหาราช”

เราทราบดีว่าภูมิพลไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์อย่างจริงจังกับประชาชน เพราะแค่มาตรการในห้าปีแรกของรัฐบาลทักษิณก็ทำให้ประชาชนชื่นชม และฝ่ายรักเจ้าเริ่มไม่พอใจ อิจฉาริษยาทักษิณ แต่ทักษิณไม่ใช่เทวดา เขาเป็นนักการเมืองนายทุน และต้องการใช้สถาบันกษัตริย์เพื่อประโยชน์ตนเองด้วย

thaiking-728x486ก
วชิราลงกรณ์ทำลายภาพลักษณ์ของสังคมไทย

พอถึงยุค วชิราลงกรณ์ สถานภาพของสถาบันกษัตริย์ตกต่ำที่สุดอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของวชิราลงกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมต่อสตรี หรือการกอบโกยทรัพย์สินเพิ่มเติมโดยไม่รู้จักพอ วชิราลงกรณ์ กลายเป็นตัวตลกในสื่อทั่วโลก และเป็นที่เกลียดชังในหมู่คนไทยที่กล้าคิดเองจำนวนมาก

การใช้กฏหมาย 112 ขัดกับหลักสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน แต่การใช้ 112 กับอดีตกษัตริย์ที่ตายไปแล้วยิ่งกลายเป็นเรื่องเหลวไหล อีกหน่อยการวิจารณ์พระเจ้าเหาคงเป็นเรื่องผิดกฏหมาย!!

Republic

เราไม่ควรยอมให้เผด็จการรัฐสภายุบพรรคอนาคตใหม่ และในขณะเดียวกันเราไม่ควรยอมให้ใครโดนกฏหมาย 112 อีกต่อไป กฏหมายนี้ต้องถูกยกเลิกเพื่อสร้างประชาธิปไตย

ชื่นชม และสมานฉันท์ กับมวลชนที่ออกมาแสดงพลัง

ใจ อึ๊งภากรณ์

ขอชื่นชมและสมานฉันท์กับมวลชนผู้รักประชาธิปไตยที่ออกมาร่วมชุมนุม “แฟลชม็อบ” #ไม่ถอยไม่ทน ที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ และที่เชียงใหม่ ตามคำเชิญชวนของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่

79028343_712588782482887_5026448295782776832_o

ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคนฝ่ายประชาธิปไตยที่กระแนะกระแหนวิจารณ์พรรคอนาคตใหม่อย่างไร้สาระในเรื่องนี้ ใครที่อ่านบทความของผมมาตั้งแต่การก่อตั้งของพรรคอนาคตใหม่ จะทราบดีว่าผมพร้อมที่จะวิจารณ์สิ่งที่ผมมองว่าเป็นข้อเสียของพรรคและของแนวคิดของธนาธรและคนอื่นในแกนนำ แต่ทุกคนที่รักประชาธิปไตยและเข้าใจความสำคัญของการเคลื่อนไหวของมวลชนในการล้มเผด็จการ ควรจะชื่นชมการเปลี่ยนใจของธนาธรและพรรคพวก ที่เดิมเน้นแต่การเล่นเกมส์ในรัฐสภาตามกติกาเผด็จการ

555x312_858298_1576321253

การก่อ “แฟลชม็อบ” #ไม่ถอยไม่ทน ครั้งนี้พิสูจน์สิ่งสำคัญสองสิ่ง

หนึ่ง มันพิสูจน์ว่า “การลงถนน” ไม่ได้นำไปสู่การเสียเลือดเนื้อหรือเป็นการ “เข้าทางเผด็จการ” แต่อย่างใดตามที่พวกแนว “นิ่งเฉยไม่ทำอะไร” ชอบอ้าง มันพิสูจน์ความเฮงซวยของพวกหมาเห่าที่ชอบด่าพวกเราที่อยู่ต่างประเทศในทำนองว่า “แน่จริงทำไมไม่กลับไทยไปจัดม็อบเอง”

สอง มันพิสูจน์ความสำคัญของการนำ โดยเฉพาะจากแกนนำพรรค ในการสร้างการชุมนุมของมวลชน และการที่ผู้รักประชาธิปไตยหลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ สามารถสามัคคีและร่วมชุมนุมด้วยกัน การชุมนุมครั้งนี้สามารถระดมคนหลายพันคน และเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

4190D50EC0C44B17B899CBDA14848B21

ข้อสรุปสำคัญมีสองข้อด้วยคือ

หนึ่ง การสร้างขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชนนอกรัฐสภา เพื่อล้มเผด็จการและสร้างประชาธิปไตยยังทำได้ ไม่ใช่เรื่องในอดีตหรือสิ่งไม่จำเป็น

สอง คนที่เป็นแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่สำคัญในการสร้างขบวนการมวลชนดังกล่าว และการที่ไม่ค่อยมีการชุมนุมของฝ่ายประชาธิปไตยในอดีต เป็นความผิดของแกนนำทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทักษิณที่แช่แข็งเสื้อแดงจนไม่เหลืออะไร หรือแกนนำพรรคอนาคตใหม่ที่เดิมไม่ยอมทำอะไรนอกรัฐสภา แต่ถ้าธนาธรกับพรรคอนาคตใหม่จริงใจที่จะจัดการชุมนุมอีกในอนาคต และเปลี่ยนใจเพื่อหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมมันจะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง

79122988_712596512482114_5930674550952951808_o

แน่นอนเราไม่ควรไว้ใจแกนนำของพรรคการเมืองกระแสหลักอย่างอนาคตใหม่หรือเพื่อไทยอย่างเดียว แกนนำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวที่อยู่นอกสองพรรคการเมืองนี้มีอีกมากมาย และทุกคนควรจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างและผลักดันให้เกิดขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชนเพื่อล้มเผด็จการรัฐสภา

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยต้องให้ความสำคัญกับการทำงานทางการเมืองในสหภาพแรงงาน และกลุ่มนักศึกษา เพราะประวัติศาสตร์โลกและประวัติศาสตร์ไทยสอนให้เรารู้ว่าการเคลื่อนไหวของมวลชนที่มีพลังเพียงพอที่จะล้มเผด็จการและสร้างสังคมใหม่ ย่อมอาศัยพลังของชนชั้นกรรมาชีพ