Tag Archives: ไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น

โรคระบาด ทุนนิยม กับกลไกตลาด ทำไมสังคมนิยมแก้ปัญหาได้

ใจ อึ๊งภากรณ์

ในขณะที่ประชาชนทั่วโลกล้มตายเป็นหมื่นและป่วยเป็นแสนจากไข้หวัดโคโรนา มีนายทุนบางคนที่หน้าด้านคว้าประโยชน์จากโรคระบาดนี้ ตัวอย่างเช่น Bill Ackman นายทุนเฮดจ์ฟันด์ที่พนันในตลาดหุ้นและรวยขึ้น $2.6 พันล้าน ส่วน Jeff Bezos เจ้าของบริษัทอเมซอน สามารถกอบโกย $5.3 พันล้านจากการขายหุ้นในบริษัทของตนเอง

ท่ามกลางวิกฤตโควิดในออสเตรเลียมีการเลิกจ้างพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน 600 คนเพราะมีการยกเลิกผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวกับโควิด

ท่ามกลางวิกฤตโควิดในสหรัฐอเมริกา ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก คนทำงานธรรมดาเป็นล้านกำลังจะถูกยกเลิกประกันสุขภาพเพราะตกงานจากโควิด อันนี้ไม่รวมประชาชนเป็นล้านที่ไม่มีประกันแต่แรก นอกจากนี้บริษัทประกันเอกชนมีความเชื่องช้าในการอนุญาตทุกขั้นตอนของการรักษาคนไข้โควิดแย่ยิ่งกว่าระบบราชการเสียอีก

นี่คือใบหน้าแท้ของระบบกลไกตลาดเสรีของทุนนิยมท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดที่เป็นภัยต่อประชาชนทั่วโลก

ในรอบสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา นักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักทั่วโลก ชอบสอนเราอย่างต่อเนื่องว่า “กลไกตลาดเป็นสิ่งที่สร้างประสิทธิภาพในสังคม และตอบสนองมนุษย์ได้ดีกว่าการวางแผนแบบสังคมนิยม” แต่วิกฤตโควิดเป็นอีกกรณีหนึ่งที่เปิดโปงว่ากลไกตลาดเสรีของทุนนิยมไร้ประสิทธิภาพสำหรับประชาชนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง (ดู เสรีนิยม กลไกตลาด และรัฐ https://bit.ly/2tWNJ3V )

ในเรื่องวัคซีน กลไกตลาดเสรีและการที่บริษัทยาขนาดใหญ่เป็นของเอกชนที่แสวงหากำไรอย่างเดียว แปลว่าไม่มีการพยายามพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสชนิดต่างๆ ไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะลดเวลาที่จะผลิตวัคซีนต้านโคโรนาอย่างมาก สาเหตุคือตราบใดที่ไม่มีการระบาดทั่วโลกมันไม่มีกำไรในการพัฒนาวัคซีนไว้ล่วงหน้า และยิ่งกว่านั้นเมื่อมีการผลิตวัคซีนได้ คนที่ยากจนที่สุดในประเทศที่จนที่สุดของโลกจะไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ แม้แต่ในสหรัฐนักการเมืองบางคนออกมาพูดโดยไร้ความละอายว่าคนจนในสหรัฐอาจเข้าไม่ถึงวัคซีนเมื่อมีการผลิตเสร็จแล้ว

เราต้องบอกนักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักว่าทฤษฏี “อุปสงค์คานอุปทาน พ่อมึงสิ!!!”

ในประเทศพัฒนาอย่างอิตาลี่และสเปน ที่มียอดคนเสียชีวิตสูงมากในเดือนมีนาคม นโยบายรัดเข็มขัดของนักการเมืองที่ชื่นชมตลาดเสรี นำไปสู่การทำลายระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ในอังกฤษก็เช่นกัน สาเหตุหลักมาจากการที่นักการเมืองโยนภาระหนี้เอกชนและรัฐ ที่มาจากวิกฤตเศรษฐกิจปี2008 ลงบนสันหลังกรรมาชีพ ทั้งในแง่ของการตัดค่าจ้างและการตัดการบริการทางสังคม และวิกฤษเศรษฐกิจนั้นเกิดขึ้นแต่แรกจากระบบกลไกตลาดเสรีของทุนนิยม (ดูบทความเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ https://bit.ly/2v6ndWf )

Covid crash

หลังจากที่เกิดการระบาดของโควิด และมีการปิดประเทศและสถานที่ทำงาน คาดว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ร้ายแรงกว่าปี 2008 อีก

ในประเทศยากจนของโลก ประชาชนยากจนเพราะองค์กรอย่างเช่นไอเอ็มเอฟ บังคับให้รัฐบาลรัดเข็มขัดและรีดไถประชาชน เพื่อจ่ายหนี้ให้ธนาคารต่างๆ ในตะวันตก คาดว่ามีการโอนเงินและทรัพยากรไปสู่ประเทศพัฒนาอย่างมาก และทุกอย่างที่ทำไป ทำโดยอ้างความชอบธรรมจากแนวกลไกตลาดเสรี ยิ่งกว่านั้นประเทศยากจนที่สุดมักจะถูกละเลยจากการลงทุนในยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งทำให้ยิ่งยากจนลง และถ้าแค่นี้ไม่พอ ระบบชนชั้นที่ดำรงอยู่ทั่วโลกแปลว่าพวกนักการเมือง คนใหญ่คนโต และนายทุนพื้นเมืองในประเทศเหล่านั้น ใช้อำนาจกอบโกยทรัพยากรมาเป็นของตนเองในขณะที่คนจนกำลังจะตาย

PRI_147654490
บางคนเสพสุข
1402467731-pic0-o
บางคนติดคุก

 

33-10-728x410
ภาพจากบทความในมติชน

แม้แต่ในไทย คนใหญ่คนโตเสพสุขกับเมียน้อยและคนใช้ในโรงแรมห้าดาวราคาแพง และพวกทหารก็พยายามกอบโกยเงินทองต่อไปและพยายามซื้ออาวุธ ในขณะที่คนธรรมดามีวิกฤต มันพิสูจน์ว่าประชาชนต้องลุกขึ้นโค่นล้มพวกปรสิตเหล่านี้ให้หมดไป

เราเรียกพวกข้างบนว่าเป็น “ปรสิต” ได้ เพราะเมื่อเกิดวิกฤตโควิด เราเห็นชัดว่าพวกนี้ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคมเลย คนที่ทำประโยชน์จริงในสังคมคือ พยาบาล หมอ พนักงานขนส่ง คนทำความสะอาด พนักงานในร้านค้าที่ขายของจำเป็น และชาวไร่ชาวนาที่ผลิตอาหารให้เรากิน ฯลฯ กรรมาชีพกับเกษตรกรนั้นเอง

6004723_031120-kgo-health-care-workers-coronavirus-img_Image_00-00-47,17

house-keeper1

ในสมัยก่อนเวลาเราชาวมาร์คซิสต์เสนอว่ากรรมาชีพสร้างทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ (ดู ทฤษฏีมูลค่าแรงงาน https://bit.ly/2zozGbS ) พวกกระแสหลักจะชอบสอนเราว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องไปกราบไหว้นายทุนและเครื่องจักรแทน แต่ตอนนี้เราเห็นว่านายทุนและเครื่องจักร และชนชั้นปกครองไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับเราเลย กรรมาชีพต่างหากที่สร้างโลก

ตัวอย่างของความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลทหารที่เป็นเผด็จการรัฐสภาไทยปัจจุบัน เห็นได้จากการที่มาตรการต่างๆ เช่นการแจกเงินให้คนจน หรือการปิดสถานที่ทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น รัฐบาลประยุทธ์กระทำไปด้วยความโง่เขลาอย่างถึงที่สุด เพราะนอกจากเงินที่แจกไป ไม่พอและไม่ทั่วถึงทุกคนแล้ว มาตรการแบบนี้นำไปสู่การแย่งกันเข้าคิวแบบแออัด เพื่อลงทะเบียนหรือขึ้นรถกลับต่างจังหวัด ซึ่งจะนำไปสู่การระบาดของโควิดมากขึ้น ทั้งนี้เพราะไม่มีการวางแผนอะไรเลยเพื่อปกป้องประชาชน

QATYrz-1

dFQROr7oWzulq5FZUErgPS6GRV0vjJAaHUkkRyA2rDXFtleUJhUHEseCQzOZAAqjNZQ

และอย่าลืมว่าเมื่อวิกฤตโควิดจบลง ชนชั้นปกครองทั่วโลกจะพยายามไถเงินจากเราเพื่ออุดหนี้รัฐบาล แทนที่จะเก็บภาษีจากกลุ่มทุนและคนรวย

บทเรียนสำคัญคือ ในเมื่อพวกนั้นไม่สนใจปกป้องเรา เราต้องรวมตัวกันเพื่อปกป้องเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง โดยใช้ขบวนการเคลื่อนไหวในสังคมกับชุมชน และสหภาพแรงงาน

ที่มาของไวรัสที่ก่อให้เกิดโควิด

ไวรัสโคโรน่าที่ระบาดทั่วโลกอยู่ในขณะนี้มีชื่อทางการว่า “severe acute respiratory syndrome coronavirus 2” (SARS-CoV-2) และไข้หวัดที่ติดจากไวรัสนี้เรียกว่า โควิด19 หรือ coronavirus disease (COVID-19)

ไวรัสโคโรน่ามีตามธรรมชาติในสัตว์อย่างเช่นค้างคาว แต่สามารถกระโดดไปสู่มนุษย์ได้ง่ายขึ้นเมื่อระบบเกษตรอุตสาหกรรมของทุนนิยมตลาดเสรีขยายตัวไปทั่วโลก ในจีนเริ่มมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมเลี้ยงและจับสัตว์ป่า เพื่อนำมาขายในตลาดสดมากขึ้น ถ้าตลาดสดขายค้างคาวตัวเป็นๆ ขี้ข้างคาวที่เต็มไปด้วยไวรัสจะสัมผัสกับอาหารอื่นและมนุษย์ได้ แต่มันไม่ใช่แค่ปัญหาของจีน

ก่อนหน้านี้ไข้หวัดนก และไข้หวัดหมู ซึ่งเกิดจากไวรัสอีกประเภท ได้ระบาดบ่อยขึ้นในประเทศตะวันตก เพราะมีการเลี้ยงไก่และหมูในลักษณะอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเชื้อชั้นดี

ในกรณีไข้หวัดซาร์ ( SARS – severe acute respiratory syndrome) และ ไข้หวัดเมอร์ส (MERS – Middle East respiratory syndrome ) ซึ่งเคยระบาดจนเป็นข่าว มันเป็นไข้หวัดที่เกิดจากไวรัสตระกูลโคโรน่าเช่นเดียวกับโควิด ไข้หวัดซาร์ แพร่สู่มนุษย์ผ่านแมวป่าในตลาดที่ติดเชื้อจากค้างคาว และไวรัสเมอร์ส ตรวจพบครั้งแรกที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเชื้อนี้มาจากค้างคาวแล้วติดอูฐ ก่อนแพร่ไปยังชายชาวซาอุฯ ตอนนี้ในตะวันออกกลางมีการเลี้ยงอูฐแบบอุตสาหกรรมเช่นกัน

การที่ระบบเกษตรอุตสาหกรรมขยายเข้าไปสู่แหล่งธรรมชาติ ยิ่งทำให้สัตว์ป่าเข้ามาสัมผัสมนุษย์มากขึ้น เช่นในกรณีโรคอีโบลา การขยายสวนสวนปาล์มในอัฟริกา ทำให้ค้างคาวเข้ามาอาศัยในต้นปาล์มจนมนุษย์ได้รับเชื้อไวรัสอีโบลา

เราจะเห็นได้ว่าระบบทุนนิยมตลาดเสรีที่ทำให้มีการขยายของระบบเกษตรอุตสาหกรรม ทำให้ประชาชนโลกเสี่ยงกับโรคระบาดร้ายแรงมากขึ้น

ปัจจัยอื่นของทุนนิยมที่ทำให้โรคระบาดร้ายแรงเกิดขึ้น

แต่ไหนแต่ไร การขยายตัวของระบบทุนนิยมไปทั่วโลก ภายใต้กลไกตลาดเสรีและความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ทำให้เกิดสภาพเมืองขนาดยักษ์ที่เป็นที่อยู่อาศัยของพลเมืองกรรมาชีพจำนวนมาก สภาพแออัดของเมืองต่างๆ เช่นในจีน อินเดีย ลาตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย ทำให้เชื้อไวรัสสามารถกระโดดระหว่างคนจำนวนมาได้ง่ายขึ้น ดังนั้นสภาพที่อยู่อาศัยคุณภาพต่ำที่ดำรงอยู่ทั่วโลกเป็นปัจจัยสำคัญของการแพร่ระบาดของโรค

495E72401F6942B59E755B13168BCD1E

นอกจากที่อยู่อาศัยแล้ว ภายใต้ระบบทุนนิยม นักการเมืองกระแสหลักและเผด็จการต่างๆ ทั่วโลก มองว่าการใช้เงินรัฐเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพ สำคัญน้อยกว่าการอุ้มกำไรกลุ่มทุน ค่าใช้จ่ายทางทหาร หรือค่าใช้จ่ายสำหรับอภิสิทธิ์ชน ดังนั้นระบบสาธารณสุขทั่วโลกไม่พร้อมที่จะรับมือกับวิกฤตโควิด

อีกปัจจัยหนึ่งของทุนนิยมที่ทำให้โรคระบาดแรงขึ้นคือลัทธิทางการเมืองแบบล้าหลังอนุรักษ์นิยม ที่มองว่าชีวิตคนธรรมดาไร้ค่าเมื่อเทียบกับชีวิตของชนชั้นปกครอง ในแง่หนึ่งเราเห็นจากความรุนแรงที่รัฐบาลต่างๆ ใช้เพื่อควบคุมคนจน เช่นการฉีกน้ำผสมคลอรีนใส่คนงานจากต่างจังหวัดในอินเดีย เหมือนกับเป็นผักเป็นปลา หรือการใช้ความรุนแรงเพื่อควบคุมประชาชนในอัฟริกาทางใต้

safe_image

ในอังกฤษนักการเมืองล้าหลังบางคนมองว่าถ้าคนแก่ตายจากโควิดก็จะเป็นประโยชน์เพราะลดภาระต่อสังคม

ในอดีตลัทธิการเมืองแบบอนุรัษ์นิยมที่ชวนให้คนเกลียดชังเกย์ นำไปสู่การเพิกเฉยของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกต่อการระบดของเอดส์ ซึ่งทำให้โรคนี้ร้ายแรงขึ้นสำหรับทั้งชายและหญิง

แนวความคิดลัทธิอนุรักษ์นิยมเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นความคิดทางการเมืองที่ออกแบบเพื่อให้ปกป้องระบบทุนนิยมด้วยการสร้างค่านิยมต่างๆ (ดูการกดขี่ทางเพศ https://bit.ly/2QQr5VX )

สังคมนิยมคือทางออก

เราจะเห็นว่าระบบทุนนิยมพาเราไปสู่วิกฤตร้ายแรงเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ หรือวิกฤตโลกร้อน และระบบเศรษฐกิจกลไกตลาดแก้วิกฤตเหล่านี้ไม่ได้เลย ตรงกันข้าม ระบบเศรษฐกิจกลไกตลาดสร้างปัญหาแต่แรก

คาร์ล มาร์คซ์ เคยเขียนไว้ในหนังสือว่าด้วยทุนเล่ม3 ว่า “อุปสรรค์หลักของระบบทุนนิยมคือทุน” พูดง่ายๆ กลไกภายในของระบบทุนนิยมขัดแย้งกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของมนุษย์ในระยะยาว (ดู ว่าด้วยทุน https://bit.ly/2iWRQtY )

การรื้อถอนปฏิวัติระบบทุนนิยมเพื่อสร้างสังคมนิยมเท่านั้นที่จะสร้างความอยู่ดีกินดีให้พลเมืองทั่วโลกและยับยั้งภัยจากการระบาดของโรคร้ายแรง ภัยจากวิกฤตเศรษฐกิจ ภัยจากสงครามจักรวรรดินิยม และภัยจากวิกฤตโลกร้อน

สังคมนิยมที่พูดถึงนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกับระบบเผด็จการในเกาหลีเหนือ หรือระบบเผด็จการ “ทุนนิยมโดยรัฐ”ที่เคยมีในจีน รัสเซีย หรือคิวบา ก่อนที่ประเทศเหล่านี้เปลี่ยนไปใช้แนวกลไกตลาด (ดู ปัญหาของลัทธิสตาลินในขบวนการคอมมิวนิสต์สากลและผลกระทบต่อพรรคไทย https://bit.ly/2Mj3bSy  และ  สังคมนิยมในทัศนะของมาร์คซ์ https://bit.ly/2zoAiy5 )

สังคมนิยมคือระบบที่พลเมืองทั่วไปร่วมกันบริหารสังคมเพื่อตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่

ก่อนที่จะถึงจุดนั้นเราต้องมีข้อเรียกร้องระยะสั้นให้รัฐหันมาใช้ทรัพยากรและมาตรการต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับคนชั้นล่างเพื่อปกป้องประชาชนจากโควิด (ดู https://bit.ly/2UA37Cx ) และเราต้องต่อสู้เพื่อล้มรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาของประยุทธ์ เพราะรัฐบาลนี้ไร้ความสามารถในการปกป้องประชาชน

ข้อเรียกร้องระยะกลางควรจะเป็นเรื่องการสร้างรัฐสวัสดิการที่ครบวงจรผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้าและการตัดงบประมาณทหาร

แต่ในระยะยาวต้องมีการวางแผนสังคม เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ สร้างงานภายใต้มาตรฐานที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนและลดชั่วโมงการทำงาน ยึดบริษัทเอกชนทุกแห่งมาเป็นของส่วนรวมภายใต้การบริหารของกรรมาชีพเอง ยกเลิกระบบเกษตรอุตสาหกรรม ยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอน ฯลฯ ซึ่งถ้าจะเป็นจริงได้ต้องมีขบวนการปฏิวัติที่เชื่อมโยงพรรคปฏิวัติกับมวลชนในขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม

Against Dictatorship

เราจะเปลี่ยนแปลงสังคมไม่ได้ถ้าเรามัวแต่หมอบคลาน

หลังวิกฤตโควิด เราจะยอมเดินกลับไปสู่สังคมเก่าเดิมๆ เหมือนถูกจูงแบบวัวกับควายจริงหรือ?

นักสหภาพแรงงานกับไวรัสโคโรน่า

ใจ อึ๊งภากรณ์

ไวรัสโคโรน่าที่ระบาดทั่วโลกอยู่ในขณะนี้มีชื่อทางการว่า “severe acute respiratory syndrome coronavirus 2” (SARS-CoV-2) และไข้หวัดที่ติดจากไวรัสนี้เรียกว่า coronavirus disease (COVID-19) [ดู https://bit.ly/38swwC6 ]

nn_mal_coronavirus_spreads_to_US_200121_1920x1080.focal-760x428

SARS-CoV-2 เป็นไวรัสพันธุ์ใหม่ที่พึ่งเริ่มแพร่หลายระหว่างมนุษย์ เดิมมาจากสัตว์ป่าที่นำมาขายร่วมกับเนื้อสัตว์อื่นๆ ในตลาดสดที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน โคโรน่าไวรัสเกิดขึ้นตามธรรมชาติในสัตว์ และจะไม่ลามไปถึงมนุษย์ยกเว้นในกรณีพิเศษ เช่นเมื่อมีการแปรพันธุ์ในสัตว์ป่าแล้วถูกขายแบบผิดกฏหมายในตลาดสด นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าค้างคาวอาจมีส่วนสำคัญในกรณีไวรัสชนิดนี้ แต่อาจมีสัตว์ชนิดอื่นที่รับเชื้อจากค้างคาวและมาแพร่ให้มนุษย์อีกที

ไข้หวัดซาร์ ( SARS – severe acute respiratory syndrome) และ ไข้หวัดเมอร์ส (MERS – Middle East respiratory syndrome ) ซึ่งเคยระบาดจนเป็นข่าว เป็นไข้หวัดที่เกิดจากไวรัสตระกูลโคโรน่าเช่นกัน  ไข้หวัดซาร์ แพร่สู่มนุษย์ผ่านแมวป่าที่ติดเชื้อจากค้างคาว และไวรัสเมอร์ส ตรวจพบครั้งแรกที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเชื้อนี้มาจากค้างคาวแล้วติดอูฐ ก่อนแพร่ไปยังชายชาวซาอุฯ

คาดว่าอัตราการตายจากการป่วยเป็น COVID-19 อยู่ที่ประมาณ 2% ของผู้ป่วย ซึ่งสองเท่าอัตราการตายจากไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ผู้ที่เสี่ยงตายมากที่สุดคือคนที่เป็นโรคหัวใจและเบาหวานและมีอายุสูง ในบางกรณีคนที่อายุไม่มากอาจตายจากการที่เขามีระบบต้านทานเชื้อที่แรงเกินไป ดูเหมือนเด็กไม่ค่อยติด

อัตราการตายจากไข้หวัดซาร์สูงกว่าคือ 10% ของผู้ป่วย และไข้หวัดเมอร์สสูงถึง 30% แต่ COVID-19 แพร่ระบาดง่ายกว่า

เราไม่ควรจะกลัวเกินเหตุจนเตรียมตัวไม่ได้ ที่สำคัญคือควรเลือกอ่านสื่อที่ไว้ใจได้และมีคุณภาพ แทนที่จะตกใจกับข่าวปลอมในโซเชียล์มีเดีย คาดว่าคนส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหนักกว่าหวัดธรรมดา แต่ถ้าใครมีอาการหนักในแง่ของการหายใจด้วยความยากลำบาก และคนที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือเป็นคนอายุสูง จะต้องเข้าโรงพยาบาล เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือในการหายใจ

191217-hand-washing-stock-cs-906a_f4b26951f71188739ce7617acf4cb093.fit-760w

วิธีป้องกันการระบาดของไข้หวัดคือการรักษาความสะอาด ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ โดยเฉพาะเวลาถึงที่ทำงาน กลับบ้าน หรือก่อนกินอะไร ควรปิดปากเวลาไอหรือจามด้วยกระดาษทิชชูหรือกระดาษชำระ ใช้กระดาษแล้วควรทิ้งทันที ก่อนล้างมือไม่ควรเอานิ้วแตะปาก ตา หรือจมูก พยายามไม่เข้าใกล้ผู้ที่มีอาการป่วย การใส่หน้ากากจะช่วยบ้างแต่ป้องกันจริงๆ ไม่ได้

เนื่องจากไข้หวัดเกิดจากไวรัส การใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ไม่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อไวรัส สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในการฆ่าไวรัสคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราตามธรรมชาติ และการกินยาลดไข้ธรรมดา อย่างไรก็ตามถ้าเป็นไข้หวัดแล้วเกิดโรคแทรกเช่นปอดอักเสบที่มาจากเชื้อบักเตรี ยาปฏิชีวนะจะมีประโยชน์

ท่าทีของนักสหภาพแรงงานต่อปัญหาไข้หวัดโคโรน่า

  1. สหภาพแรงงานควรเรียกร้องให้รัฐบาลประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าอย่างตรงไปตรงมา ข้อมูลต้องมีมาตรฐานวิทยาศาสตร์และเข้าใจง่าย เพื่อให้คนป้องกันตัวได้ นอกจากนี้รัฐบาลควรเปิดศูนย์รับสายโทรศัพท์พิเศษ เพื่อให้ประชาชนปรึกษาเจ้าหน้าที่อนามัยได้ รัฐบาลต้องออกมาอธิบายว่าได้เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับไข้หวัดอย่างไร เช่นรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการในโรงพยาบาลต่างๆ อุปกรณ์สำหรับตรวจพันธุ์ไวรัส อุปกรณ์สำหรับการป้องกันเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล อุปกรณ์สำหรับการรักษาคนไข้และห้องพิเศษตามที่ต่างๆ และโครงการการอบรมเจ้าหน้าที่
  2. สหภาพแรงงานพนักงานสาธารณสุขต้องเรียกร้องให้โรงพยาบาลทุกแห่งมี “พี พี อี” (PPE) ซึ่งประกอบไปด้วยหน้ากากที่ปิดหน้าทั้งหมด หน้ากากปิดจมูก เสื้อคลุมยาว และถุงมือ เพราะแค่หน้ากากอนามัยธรรมดาใช้ทำอะไรไม่ได้    c9c722d89862494da86212e6863e5578_18
  3. เราต้องไม่มีอคติต่อเพื่อนแรงงานข้ามชาติ แรงงานไทยที่กลับจากที่อื่น หรือนักท่องเที่ยว เราต้องต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติที่แบ่งแยกขบวนการแรงงานและชนชั้นกรรมาชีพ และเบียงเบนประเด็นจากการที่รัฐบาลไม่ทำหน้าที่ปกป้องประชาชน
  4. ถ้ามีวิกฤตการระบาดของไข้หวัด รัฐบาลควรออกประกาศให้โรงพยาบาลทุกแห่งรับคนป่วยด้วยไข้หวัดในขั้นตอนแรกโดยไม่เลือกปฏิบัติกับคนที่ถือบัตรทองหรือไม่มีเงินจ่าย และมาตรการนี้ควรใช้กับโรงพยาบาลเอกชนและรัฐทั้งหมด
  5. สหภาพแรงงานต้องเรียกร้องกับนายจ้างและรัฐบาล ว่าถ้าใครที่มีไข้และอาการของไข้หวัดเขาไม่ควรกังวลว่าจะถูกตัดค่าจ้างถ้าไม่ไปทำงาน รัฐบาลต้องมีการปกป้องคนป่วย เพื่อไม่ให้คนป่วยจำใจไปทำงานแล้วแพร่เชื้อ เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับคนทำงานธรรมดา
  6. มาตรการเผด็จการเช่นการปิดเมืองมักไม่มีผลเท่าไร เพราะไม่มีที่ไหนที่ทำได้อย่างจริงจัง และประชาชนในเมืองทุกแห่งต้องได้รับอาหารและของใช้ประจำวัน บ่อยครั้งการใช้มาตรการแบบนี้กระทำไปเพื่อให้รัฐบาล “ดูดี” เพราะสร้างภาพความเข้มงวด วิธีที่ดีกว่าคือการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้สามารถรับมือกับปัญหาได้ ความโปร่งใสของรัฐบาล และการให้ข้อมูลกับประชาชน พลเมืองจะได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันลดความร้ายแรงของโรคและการระบาด ฉนั้นเราควรรณรงค์ให้มีการสร้างบรรยากาศที่ชักชวนให้คนป่วยไม่ต้องกลัวหรือหลบหนี เพราะมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี

ลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทำให้การระบาดของโรคภัยไข้เจ็บหนักขึ้น และคนที่เป็นเหยื่อมักจะเป็นคนจนและคนทำงานธรรมดา สภาพบ้านที่อยู่อาศัยที่แออัด การจำกัดงบประมาณในระบบสาธารณสุขเพื่อเพิ่มงบทหารและงบสำหรับคนชั้นสูง และการที่บริษัทยาข้ามชาติไม่ยอมลงทุนล่วงหน้าในวัคซีนเพราะคิดแต่เรื่องกำไร ล้วนแต่เป็นปัญหาที่มาจากระบบทุนนิยม

Medical business or prices concept. Making money in pharmaceutical industry or high medical expenses. Also drug dealing, dealer or trade. Dollar sign written with pills spilled from a medicine bottle.

ในระยะยาว เราต้องต่อสู้เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการและความเท่าเทียม สู้เพื่อระบบสังคมนิยม ซึ่งแน่นอนต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เผด็จการรัฐสภาของประยุทธ์ไม่สามารถปกป้องพลเมืองจากภัยไข้หวัดหรือภัยจากฝุ่นละอองเพราะมีแนวคิดคับแคบอนุรักษ์นิยมแบบทหาร ชอบแต่จะสั่งแต่คิดอะไรใหม่ๆไม่เป็น และไม่ไว้ใจประชาชน ดังนั้นนักสหภาพแรงงานต้องเข้าร่วมกับขบวนการไล่ประยุทธ์

 

ไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น (WN-CoV) กับท่าทีของนักสังคมนิยม

ใจ อึ๊งภากรณ์

ไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น (WN-CoV) เป็นไวรัสพันธุ์ใหม่ที่พึ่งเริ่มแพร่หลายระหว่างมนุษย์ เดิมมาจากสัตว์ป่าที่นำมาขายร่วมกับเนื้อสัตว์อื่นๆ ในตลาดสดที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ลักษณะของไวรัสใหม่นี้ การระบาด และความร้ายแรง ยังไม่ชัดเจน แต่เราไม่ควรจะกลัวเกินเหตุ ที่สำคัญคือควรเลือกอ่านสื่อที่ไว้ใจได้และมีคุณภาพ แทนที่จะตกใจกับข่าวปลอมในโซเชียล์มีเดีย

โคโรน่าไวรัสเกิดขึ้นตามธรรมชาติในสัตว์ และจะไม่ลามไปถึงมนุษย์ยกเว้นในกรณีพิเศษ เช่นเมื่อมีการแปรพันธุ์ในสัตว์ป่าแล้วถูกขายแบบผิดกฏหมายในตลาดสด นักวิทยาศาสตร์สงสัยว่าค้างคาวมีส่วนสำคัญในกรณีไวรัสชนิดนี้

nn_mal_coronavirus_spreads_to_US_200121_1920x1080.focal-760x428

ไข้หวัดซาร์ ( SARS – severe acute respiratory syndrome) และ ไข้หวัดเมอร์ส (MERS – Middle East respiratory syndrome ) ซึ่งเคยระบาดจนเป็นข่าว เป็นไข้หวัดที่เกิดจากไวรัสตระกูลโคโรน่าเช่นกัน

ไข้หวัดซาร์ แพร่สู่มนุษย์ผ่านแมวป่าที่ติดเชื้อจากค้างคาว และไวรัสเมอร์ส ตรวจพบครั้งแรกที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเชื้อนี้มาจากค้างคาวแล้วติดอูฐ ก่อนแพร่ไปยังชายชาวซาอุฯ

นอกจากนี้โคโรน่าไวรัสพันธุ์อื่นในมนุษย์ทำให้เป็นหวัดธรรมดาที่ไม่ร้ายแรง

191217-hand-washing-stock-cs-906a_f4b26951f71188739ce7617acf4cb093.fit-760w

วิธีป้องกันการระบาดของไข้หวัดคือการรักษาความสะอาด ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ ควรปิดปากเวลาไอหรือจาม และพยายามไม่เข้าใกล้ผู้ที่มีอาการป่วย การใส่หน้ากากจะช่วย

200122213126-coronavirus-fears-markets-02-exlarge-169

เนื่องจากไข้หวัดเกิดจากไวรัส การใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ไม่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อไวรัส สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดในการฆ่าไวรัสคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเราตามธรรมชาติ และการกินยาลดไข้ธรรมดา อย่างไรก็ตามถ้าเป็นไข้หวัดแล้วเกิดโรคแทรกเช่นปอดอักเสบ ที่มาจากเชื้อบักเตรี ยาปฏิชีวนะจะมีประโยชน์ นอกจากนี้ถ้าใครมีอาการหนักในแง่ของการหายใจด้วยความยากลำบาก และคนที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือเป็นคนอายุสูง จะต้องเข้าโรงพยาบาล เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือในการหายใจ

tdy_sat_jmf_coronavirus_200125_1920x1080.focal-760x428

คนที่มีอาการไม่ร้ายแรง ควรหลีกเลี่ยงการไปหาหมอหรือเข้าโรงพยาบาลถ้าเป็นไปได้ เพราะจะทำให้วิกฤตโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในชุมชน และถ้าป่วยไม่ควรใช้ระบบขนส่งมวลชน

ท่าทีของนักสังคมนิยมต่อปัญหาไข้หวัด

  1. เราควรเรียกร้องให้รัฐบาลประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าอู่ฮั่น ข้อมูลต้องมีมาตรฐานวิทยาศาสตร์และเข้าใจง่าย เพื่อให้คนป้องกันตัวได้ นอกจากนี้รัฐบาลควรเปิดศูนย์รับสายโทรศัพท์พิเศษ เพื่อให้ประชาชนปรึกษาเจ้าหน้าที่อนามัยได้Mental-health-helpline
  2. เราไม่ควรมองนักท่องเที่ยวจีนด้วยอคติ หรือการเหยียดเชื้อชาติ
  3. เราควรเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาอธิบายว่าได้เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับไข้หวัดอย่างไร เช่นรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการในโรงพยาบาลต่างๆ อุปกรณ์สำหรับตรวจพันธุ์ไวรัส อุปกรณ์สำหรับการป้องกันเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล อุปกรณ์สำหรับการรักษาคนไข้และห้องพิเศษตามที่ต่างๆ โครงการการอบรมเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์เพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเอง เช่นหน้ากากและสิ่งจำเป็นสำหรับการล้างมือ
  4. ถ้ามีวิกฤตการระบาดของไข้หวัด รัฐบาลควรออกประกาศให้โรงพยาบาลทุกแห่งรับคนป่วยด้วยไข้หวัดในขั้นตอนแรกโดยไม่เลือกปฏิบัติกับคนที่ถื่อบัตรทองหรือไม่มีเงินจ่าย และมาตรการนี้ควรใช้กับโรงพยาบาลเอกชนและรัฐ
  5. มาตรการการปิดเมืองมักไม่มีผล เพราะไม่มีที่ไหนที่ทำได้อย่างจริงจัง และประชาชนในเมืองทุกแห่งต้องได้รับอาหารและของใช้ประจำวัน มันเป็นการใช้มาตรการเผด็จการที่แค่เพิ่มความหวาดกลัว บ่อยครั้งมาตรการแบบนี้กระทำไปเพื่อให้รัฐบาล “ดูดี” เพราะสร้างภาพความเข้มงวด แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ลดความร้ายแรงของโรคแต่อย่างใด การปิดเมืองต่างๆ ในจีนไม่ได้ทำให้โรคหยุดระบาด วิธีที่ดีกว่าคือการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้สามารถรับมือกับปัญหาได้ ความโปร่งใสของรัฐบาล และการให้ข้อมูลกับประชาชน พลเมืองจะได้มีส่วนร่วมในการช่วยกันลดความร้ายแรงของโรคและการระบาด บางคนที่ติดเชื้อและสามารถแพร่เชื้ออาจไม่มีไข้ ดังนั้นการวัดไข้ที่ด่านต่างๆ จะมีประสิทธิภาพจำกัด ฉนั้นเราควรรณรงค์ให้มีการสร้างบรรยากาศที่ชักชวนให้คนป่วยไม่ต้องกลัวหรือหลบหนี เพราะมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดี
  6. ใครที่มีไข้และอาการของไข้หวัดไม่ควรกังวลว่าจะถูกตัดค่าจ้างถ้าไม่ไปทำงาน รัฐบาลต้องมีการปกป้องคนป่วย เพื่อไม่ให้คนป่วยจำใจไปทำงานแล้วแพร่เชื้อ

ในระยะยาว เราต้องต่อสู้เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการและความเท่าเทียม ซึ่งแน่นอนต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เผด็จการรัฐสภาของประยุทธ์ไม่สามารถปกป้องพลเมืองจากภัยไข้หวัดหรือภัยจากฝุ่นละอองเพราะมีแนวคิดคับแคบอนุรักษ์นิยมแบบทหาร ชอบแต่จะสั่งแต่คิดอะไรใหม่ๆไม่เป็น และไม่ไว้ใจประชาชน